กรุงเทพฯ 2
มิ.ย.-กฟผ.
แจงไฟฟ้าดับวานนี้เกิดจากฟ้าผ่าสายส่ง 500 กิโลโวลต์ น่าน – หงสาในฝั่ง สปป.ลาว ระบบป้องกันทำงาน
ส่งผลเอสพีพีดับร่วม ไฟฟ้าหายไปรวม3,230 เมกะวัตต์ เร่งหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
นายอดุลย์
พิทักษ์ชาติวงศ์ รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวานนี้ (1
มิถุนายน 2561) เวลา 13.06 น. ได้เกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่นั้น สาเหตุเกิดจากฟ้าผ่าสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500
กิโลโวลต์ น่าน – หงสา
ส่วนที่อยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
ทำให้ระบบป้องกันทำงาน
และสั่งหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าหงสาทันที
เป็นผลให้กำลังผลิตไฟฟ้าที่ส่งให้ระบบไฟฟ้าของไทยขาดหายไปจำนวน 1,300
เมกะวัตต์ และได้ส่งผลต่อเนื่อง
ทำให้ระดับแรงดันและความถี่ของระบบไฟฟ้ารวมลดต่ำกว่ามาตรฐาน
เป็นผลให้ระบบป้องกันความถี่ต่ำในระบบไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) จำนวน 23 รายทั่วประเทศทำงาน และปลดเครื่องออกจากระบบ ทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าหายไปเพิ่มอีกจำนวน 1,930 เมกะวัตต์
นายอดุลย์
กล่าวว่า เหตุไฟฟ้าดับดังกล่าว
เกิดจากระบบป้องกันอัตโนมัติทำงานเพื่อรักษาระบบไฟฟ้าส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
โดย กฟผ. ได้แก้ปัญหาด้วยการจ่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ
ได้แก่ โรงไฟฟ้าวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
และโรงไฟฟ้าพระนครใต้ จ.สมุทรปราการ
ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้งสองประเภทสามารถเริ่มเดินเครื่อง (Startup) ได้อย่างรวดเร็ว
ทำให้สามารถเริ่มทยอยจ่ายไฟฟ้ากลับคืนเข้าสู่ระบบตั้งแต่เวลา 13.08 น.
และจ่ายไฟฟ้ากลับคืนได้ทั้งหมดในเวลา 13.55 น.
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กฟผ.
จะร่วมมือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก” รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. กล่าว –สำนักข่าวไทย