BIG STORY : เสนอแก้ปัญหาเงินทอนวัดที่ต้นทาง

กรุงเทพฯ 27 พ.ค. – ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ชี้การตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัด ไม่ควรมุ่งเอาผิดวัดและพระแต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรตรวจสอบจากต้นทาง คือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติงบประมาณด้านพุทธศานา



แม้การตรวจสอบงบประมาณเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดใน 3 ลอตที่ผ่านมา พบมีการทุจริตแล้วรวม 38 วัด แต่การตรวจสอบลอตที่ 4 ก็ยังพบการทุจริตเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 30 วัด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร และประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ชี้ว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ควรพุ่งเป้าเอาผิดเฉพาะกับวัดและพระเท่านั้น ซึ่งถือเป็นปลายทางในการรับเงินงบประมาณ แต่ควรจะไปตรวจสอบเอาผิดที่ต้นตอของปัญหา คือ ผู้เกี่ยวข้องในการอนุมัติงบประมาณดังกล่าวด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐมักอนุมัติงบประมาณมาเป็นเงินก้อนใหญ่ โดยอ้างว่าไม่ต้องลำบากเซ็นเช็คหลายครั้ง จากนั้นก็จะมาขอเงินคืน เพื่อไปจัดสรรให้วัดอื่นๆ ส่วนวัดที่มีชื่อได้รับการโอนเงินโดยตรง จะได้รับเงินเพียงบางส่วนตามที่เจ้าหน้าที่รัฐจัดสรรให้เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาโกง ส่วนหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำเงินที่ขอคืนไปใช้ประโยชน์ในด้านใด พระและวัดก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้


สำหรับวัดและพระที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด ส่วนใหญ่มักเป็นวัดดังและวัดขนาดใหญ่ที่มีการพัฒนา อาทิ สร้างโบสถ์ ศาลาการเปรียญ กุฏิ สร้างถนน และปรับภูมิทัศน์ ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก อีกทั้งยังมีเจ้าอาวาสเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ และเป็นที่ศรัทธาของประชาชน


นักวิชาการด้านศาสนา เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นที่โครงสร้างของมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ไม่สามารถจัดการปัญหาได้ และไม่มีระบบการตรวจสอบที่เข้มแข็งมากพอ ขณะที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนา ก็กระทำการทุจริตเสียเอง เมื่อเกิดปัญหาขึ้น หน่วยงานอื่นจึงต้องเข้ามาแก้ปัญหาแทน

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการทรัพย์สินวัด ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเช่นเดียวกับการทุจริตเงินทอนวัด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร มองว่า การบังคับใช้ร่างกฎหมายคณะสงฆ์ฉบับใหม่จะช่วยแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง ในร่างกฎหมายฉบับนี้มีการบัญญัติถึงเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สินวัด โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเป็นการเฉพาะ สิทธิ์ขาดไม่ได้อยู่ที่เจ้าอาวาสวัดอีกต่อไป ขณะเดียวกัน ควรอุดช่องโหว่ตั้งแต่หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่อนุมัติจัดสรรงบประมาณ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง