ภูมิภาค 21 พ.ค. – เหตุการณ์ความรุนแรงทั่วพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 24 จุด เมื่อคืนที่ผ่านมา โดย 14 จุด ผู้ก่อเหตุมุ่งทำลายตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ โดยใช้ระเบิดแสวงเครื่องวางไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีความรู้สึกหวาดระแวงที่จะใช้บริการ
นี่คือวัตถุระเบิดขนาดเล็กที่คนร้ายใช้ก่อเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็มทั่วพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) ซึ่งระเบิดลูกนี้ถูกนำมาวางไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารออมสิน ริมถนนหนองจิก ทางเข้าเมืองปัตตานี แต่วงจรเกิดขัดข้อง ทำให้ระเบิดไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีพยายามทำลายวัตถุระเบิด และตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในท่อเหล็กสี่เหลี่ยม หนัก 600 กรัม จุดชนวนด้วยแผงวงจรตั้งเวลาให้เกิดระเบิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันทั่วพื้นที่ 4 จังหวัด นับว่าโชคดีที่ระเบิดลูกนี้ไม่ทำงาน ทำให้ตู้เอทีเอ็มไม่ได้รับความเสียหาย ต่างกับตู้เอทีเอ็มอีก 14 ตู้ ถูกระเบิดทำลายได้รับความเสียหาย ชิ้นส่วนแตกกระจายไปทั่วบริเวณ แต่ยังดีที่ธนบัตรภายในตู้ไม่ได้รับความเสียหาย พนักงานธนาคารรีบนำกล่องบรรจุเงินไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจ มักตกเป็นเป้าในการก่อเหตุบ่อยครั้ง เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ผู้ใช้บริการรู้สึกหวาดกลัว และระแวงว่าสักวันตัวเองอาจเป็นผู้โชคร้าย
ตู้เอทีเอ็มเกือบทุกธนาคารตกเป็นเป้าในการก่อเหตุครั้งนี้ เช่นเดียวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ถูกระเบิดตู้เอทีเอ็มเสียหาย 3 ตู้ แต่ยังมีอีก 1 ตู้ ที่สามารถใช้บริการได้ และสำนักงานก็ยังเปิดให้บริการตามปกติ ผู้บริหารธนาคารฯ บอกว่า ปกติมีพนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดก็เร่งซ่อมแซมสิ่งที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
ฝ่ายความมั่นคงมองว่า เหตุครั้งนี้คนร้ายมุ่งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดยก่อเหตุก่อกวนกระจายทั่วพื้นที่ แบ่งเป็น จ.ยะลา 9 จุด ปัตตานี 10 จุด นราธิวาส 3 จุด และสงขลา 2 จุด รวมทั้งหมด 24 จุด โดยแยกเป็นลักษณะการวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม 14 จุด วางระเบิดก่อกวนหรือวัตถุต้องสงสัย 5 จุด ระเบิดเสาไฟฟ้า 2 จุด เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ 2 จุด และมีเหตุยิงก่อกวนฐานปฏิบัติการนาวิกโยธิน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส อีก 1 จุด
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนอย่างสูงสุดตลอดห้วงเดือนรอมฎอนนี้ โดยให้เพิ่มการตั้งจุดตรวจไม่ประจำที่ เพื่อสกัดกั้นคนร้าย และดูแลความสงบเรียบร้อยให้ประชาชนชาวไทยมุสลิมได้ประกอบศาสนกิจในเดือนรอมฎอนอย่างเต็มที่. – สำนักข่าวไทย