เครือข่ายฯ ร้องตรวจสอบปกปิดข้อมูลเปิดประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน 3 พ.ค.-เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบใช้รายการเดินหน้าประเทศไทย บิดเบือนประชาชนกรณีสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งบงกช-เอราวัณ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (3 พ.ค.) เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นำโดย พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียน ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ คณะกรรมการปิโตรเลียม  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กรณีปกปิดข้อมูลการเปิดประมูลสัมปทานแหล่งปิโตรเลียม 2 แหล่ง คือ บงกช และเอราวัณ ในอ่าวไทย และให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ

โดย พ.ท.พญ.กมลพรรณ กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ ได้ติดตามการจัดสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าว พบว่าการให้ข้อมููลของรัฐมนตรรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2561 ไม่น่าจะถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องที่ระบุว่าการจัดสรรปิโตรเลียมที่เสนอสัดส่วนการแบ่งกำไรให้แก่รัฐ ซึ่งต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 สวนทางกับประกาศกฎกระทรวงที่รัฐมนตรีว่าการกระทาวงพลังงานเป็นผู้ลงนามในการกำหนดแบบสัญญาที่ไปกำหนดค่าภาคหลวงการหักค่าใช้จ่ายของเอกชนให้หักไม่เกินครึ่งของปิโตรเลียมที่ขุดได้ และสามารถหักได้ทุกปี


พ.ท.พญ.กมลพรรณ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กระทรวงพลังงาน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สามารถตรวจสอบมาตรวัดของทุกปากหลุมผลิตได้ภายใน 7 นาทีโดยไม่ต้องรอคู่สัมปทานรายงาน ซึ่งในข้อเท็จจริงจะเชื่อได้อย่างไรว่าสามารถตรวจสอบได้ตามที่กล่าวอ้าง รวมทั้งประกาศกฎกระทรวงที่ให้อำนาจเพียงคณะกรรมการปิโตรเลียมพิจารณาบริษัทที่เข้าร่วมประมูลเป็นรายบริษัท ทำให้ไม่มีการตรวจสอบของภาคประชาชน หรือสื่อมวลชน จึงไม่มั่นใจในเรื่องความโปร่งใส หรือการมีส่วนร่วม

พ.ท.พญ.กมลพรรณ กล่าวอีกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ใช้รายการเดินหน้าประเทศไทยชี้แจงเรื่องดังกล่าว ซึ่งให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงเห็นวว่าเป็นการใช้คลื่นความถี่ของรัฐปกปิดข้อมูลบางส่วนเพื่อมิให้ประชาชนบางส่วนคัดค้านการจัดสรรปิโตรเลียมที่ไทยเสียเปรียบและสูญเสียความมั่นคงของรัฐ ถือว่าผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 60 รวมทั้งกรณีที่ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ปตท.สผ. หนึ่งในผู้ประมูลและเป็นกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่อนุมัติหลักเกณฑ์ จะถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยจะเห็นได้จากการได้รับโบนัสปีที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นตามผลกำไรของบริษัท จึงขอให้ผู้ตรวจฯ เร่งตรวจสอบ เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงเปิดรับซองประมูล ก่อนจะปิดในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ ปะทะเดือดใกล้จุดแตกหัก

ทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 800 เมตร โรงเรียนในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ติดแนวปะทะ หยุดการเรียนการสอน 1 วัน ขณะที่มีชาวเมียนมาหนีภัยสู้รบเข้าไทยกว่า 400 คน

ทร.จับเรือประมงเมียนมารุกล้ำน่านน้ำไทย

ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือระนอง จับกุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา พร้อมลูกเรือและกัปตันเรือ 6 คน ขณะรุกล้ำน่านน้ำไทย บริเวณน่านน้ำเกาะช้าง จ.ระนอง ก่อนควบคุมเรือลำดังกล่าวมาตรวจสอบที่ท่าเรือน้ำลึกระนอง

แจ้งความเอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลุยเอง ยื่นหลักฐานให้ตำรวจ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ระบุทำกันมานานเกือบ 10 ปี พบทั้งข้าราชการ-อดีตข้าราชการ เอี่ยวประมาณ 20 คน

รู้เบาะแสคนร้ายชิงทอง 102 บาท คาดเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 102 บาท ภายในห้างดังกลางเมืองแม่สอด คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน ป้องกันคนร้ายหลบหนี พร้อมยกระดับมาตรการดูแลร้านทอง-ห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุซ้ำรอย