กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – สสว.เปิดตัว“สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด” 222 กิจการ จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ระบุ ช่วยเพิ่มรายได้และผลิตภาพ ร้อยละ 21.06 ต่อปี สานต่อปี 60
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)โชว์ผลสำเร็จโครงการ “สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด” (SME Provincial Champions) ” ที่ช่วยเพิ่มรายได้และผลิตภาพแก่เอสเอ็มอีถึง ร้อยละ 21.06 ต่อปี โดยมี นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรองประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตร พร้อมให้นโยบายในการที่ผู้ประกอบการจะยกระดับให้เป็น SME 4.0
นางอรรชกา กล่าวว่า เอสเอ็มอี ที่เข้าร่วมโครงการ “สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด” จะเป็นตัวอย่างที่เป็นแรงจูงใจให้เอสเอ็มอีรายอื่น ๆ ในภูมิภาคทั่วประเทศตื่นตัวที่จะยกระดับ การบริหารจัดการให้เป็นสากล และการนำนวัตกรรมมาปรับปรุงสินค้าและบริการให้เป็นที่พึงพอใจของตลาดมากขึ้น
ส่วนการก้าวสู่ Industry 4.0 ตามนโยบาย Thailand 4.0 การพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ให้พัฒนาไปสู่การเป็น SME 4.0 จำเป็นต้องใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วย โดยอาศัยงานด้านวิจัยและพัฒนา และความคิดเชิงสร้างสรรค์เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า พร้อมกับการลดต้นทุนการผลิต การยกระดับผลิตภาพที่สูงขึ้น และการก้าวสู่ Industry 4.0 ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นในประเทศ ซึ่งหมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลส่งเสริม หรือ S-CURVE 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่ Thailand 4.0 ในอนาคตข้างหน้า
นางอรรชกา กล่าวว่า การก้าวสู่ SME 4.0 มีความสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศก้าวพ้นการติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางที่มีรายได้ต่อคนต่อปีระดับ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มเป็นกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)เพิ่มขึ้น
นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า ในปี 2559 “โครงการ “สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด” (SMEs Provincial Champions) คัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการรวม 222 กิจการ จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจ (Start up) กลุ่มที่มีศักยภาพในการตลาด (Rising Star) และกลุ่มที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว (Turn Around)
ทั้งนี้หลังจากที่ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้ว พบว่า ในภาพรวมของโครงการสามารถเพิ่มรายได้และผลิตภาพ ร้อยละ 21.06 ต่อปี สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ พบว่า ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้รวม 22,047.17 ล้านบาท และเมื่อผ่านกระบวนการพัฒนาภายใต้โครงการสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด ทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้และผลิตภาพเพิ่มขึ้น 4,642.43 ล้านบาท
ส่วนรายละเอียดผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มมีรายละเอียด ดังนี้ กลุ่ม Start Up มีรายได้และผลิตภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด ร้อยละ 30.57 ต่อปี รองลงมาเป็น กลุ่ม Rising Star มีรายได้และผลิตภาพเพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.04 ต่อปี และกลุ่ม Turn Around สามารถมีรายได้และผลิตภาพเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.61 ต่อปี
จากผลสำเร็จของโครงการในปี 2559 สสว. จะดำเนินโครงการ SMEs Provincial Champions ต่อไปในปี 2560 จังหวัดๆ ละ 6 ผู้ประกอบการ ใน 77 จังหวัด หรือประมาณ 462 ราย โดยจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีนวัตกรรมตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสินค้าได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสด้านการตลาดเพื่อส่งเสริม SME ไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล โดยสสว.เตรียมขอการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลเพิ่มเติมให้เพียงพอ
สำหรับ “โครงการ “สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด” (SMEs Provincial Champions) เป็นความริเริ่มของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นให้ SME ในภูมิภาคทั่วประเทศตื่นตัวที่จะยกระดับ การบริหารจัดการให้เป็นสากล และการนำนวัตกรรมมาปรับปรุงสินค้าและบริการให้เป็นที่พึงพอใจของตลาดมากขึ้น เป็นโครงการที่ดำเนินการร่วมกันระหว่าง สสว. กับภาคีภาครัฐและเอกชน
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จะเข้ารับการฝึกอบรมพัฒนาองค์ความรู้ ด้านการวางกลยุทธ์องค์กร แผนฟื้นฟูกิจการ การให้คำปรึกษาแนะนำ ณ สถานประกอบการ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านแบบเชิงลึก และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความสอดคล้องกับตลาด โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยกระทรวงพาณิชย์ ในการตรวจประเมินและวินิจฉัยสถานประกอบการเชิงลึก พบว่ากลุ่ม Start Up ให้ความสำคัญกับการเพิ่มยอดขายมากกว่าการเพิ่มผลิตภาพ เนื่องจากการผลิตยังไม่เต็มกำลังการผลิต
ดังนั้นแนวทางในการพัฒนาส่วนใหญ่จึงเป็นการพัฒนา Product ให้ได้มาตรฐาน การพัฒนา Packaging รวมทั้งกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยเพิ่มยอดขายเป็นหลัก ส่วนในกลุ่ม Rising Star เป็นกลุ่มที่มีความชำนาญในการขายอยู่แล้ว มีความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต หรือลดต้นทุนผลิต กลุ่ม Turn Around เป็นกลุ่มที่ประสบปัญหาด้านยอดขาย และด้านการเงิน ดังนั้น การพัฒนาจึงต้องดำเนินการพร้อมกันในหลายด้านทั้งการเพิ่มยอดขาย การเพิ่มผลิตภาพการผลิต และการหาแหล่งเงินทุนเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งทางที่ปรึกษาได้ประสานงานกับธนาคารในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่-สำนักข่าวไทย