หยุดค้นหาปลิง หลังลุงเหยื่อปลิงกัดขอร้อง

อ่างทอง 25 เม.ย.-เจ้าหน้าที่หยุดค้นหาปลิง หลังลุงเหยื่อปลิงกัดร้องขอ หวั่นทำแปลงบัวเสียหาย ขณะที่ชาวบ้านยืนยันไม่กลัวปลิง ชี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าไม่ลงน้ำก็ไม่มีกิน


หลังเมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) นายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตามล่าปลิง บริเวณแหล่งน้ำในหมู่ที่  ต.ย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง เพื่อนำตัวปลิงลักษณะเดียวกันกับที่กัดนายสุบิน ยินดี อายุ 66 ปี ชาวบ้านที่ลงไปปลูกนาบัว และมีข่าวกระจายไปในสื่อสังคมออนไลน์ว่าเป็นปลิงสายพันธุ์ใหม่ โดยหลังจากใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ไม่สามารถหาปลิงทุกชนิดในแหล่งน้ำ ทั้งจุดที่พบว่ามีปลิงและบริเวณใกล้เคียง


ความคืบหน้าในวันนี้ (25 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวสอบถามนายบันเทิง โชติพ่วง ประมงจังหวัดอ่างทองถึงกรณีดังกล่าว โดยยืนยันว่า ขณะนี้ต้องยุติการค้นหา เนื่องจากได้รับการร้องขอจากนายสุบินและครอบครัวว่าให้หยุด เพราะเกรงว่าบัวที่ลงไว้ในบ่อทั้ง 2 จุดจะได้รับความเสียหาย ประกอบกับอาการของลุงสุบินดีขึ้น จึงไม่อยากให้กระทบกับบ่อบัว ส่วนลุงสุบินจากการสอบถามพบว่าแผลหายดีแล้ว ยืนยันจะกลับมาลงน้ำทำนาบัวเช่นเดิม 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง พบชาวบ้านจับกุมพูดคุบกันถึงเรื่องดังกล่าว โดยนายดำ มาลา อายุ 54 ปี ชาวบ้านที่มีอาชีพทำนาข้างและนาบัว ยืนยันว่า ชาวบ้านบริเวณนี้ก็ยังคงลงน้ำทำงานกันตามปกติ ไม่ได้หวาดกลัวกับปลิงแต่อย่างใด ซึ่งหากสวมเสื้อผ้ามิดชิดก็ไม่ต้องกลัว แต่จะให้ไม่ลงน้ำเพื่อทำนาหรือทำยังก็คงไม่มีกิน สำหรับกรณีลุงสุบิน ซึ่งนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอ่างทอง เนื่องจากเวียนศีรษะจากอาการความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวเพิ่งจะออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวานที่ผ่านมา ขอให้ยุติเรื่องปลิง และคิดว่าตนเองที่ไม่สบายไม่น่าเกี่ยวกับปลิงน่าจะเกี่ยวกับโรคประจำตัว 


ด้านนายสัตวแพทย์เกษตร สุเตชะ สัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าลักษณะของปลิงที่ชาวบ้านพบนั้น เป็นปลิงควาย ซึ่งพบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำของไทย ซึ่งที่พบนั้นก็เป็น 1 ชนิดของปลิงควายเช่นกันไม่ได้เป็นปลิงสายพันธุ์ใหม่หรือมีความน่ากลัวแต่อย่างใด ซึ่งขนาดโตเต็มวัยยาวได้ถึง 15 เซนติเมตร ซึ่งหากจับยืดออกจากยาวได้ถึง 30 เซนติเมตร ใกล้เคียงกับปลิงที่ชาวบ้านจับได้

โดยปลิงควายนั้นเมื่อเริ่มกัดและดูดเลือด จะปล่อยสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด ที่มีฤทธิ์คล้ายยาชาออกมา ทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บ และมีสารช่วยขยายหลอดเลือด เพื่อให้ดูดเลือดได้ต่อเนื่อง ซึ่งปลิงควายที่ดูดเลือดเต็มที่อาจมีขนาดลำตัวที่ยืดแล้วยาวเป็นฟุตได้ ซึ่งปลิงควาย 1 ตัว สามารถดูดกินเลือดได้เพียง 10-15 มิลลิลิตรเท่านั้น หรือเพียง 4–5 เท่าของน้ำหนักตัว และเมื่ออิ่มก็จะทิ้งตัวจากเหยื่อไป โดยใช้เวลาย่อยอาหารนานถึง 6 เดือน จึงเป็นเรื่องยากที่คนเราหรือสัตว์ต่างๆ จะถูกปลิงดูดเลือดจนโลหิตจางและเสียชีวิต ซึ่งยังไม่เคยมีรายงานอย่างเป็นทางการว่าคนเสียชีวิตจากปลิงกัดแต่อย่างใด แต่สาเหตุการเสียชีวิตอาจมาจากปัจจัยแวดล้อม ทั้งแบคทีเรียในน้ำ หรือ เชื้อบาดทะยัก หรือแพ้น้ำลายปลิง จนเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งวิธีง่ายๆ เพียงอาบน้ำฝอกสบู่ ทายาที่แผลก็จะลดโอกาสติดเชื้อโรคแทรกซ้อนได้และแผลก็จะหายภายใน 1 สัปดาห์ หรือหากต้องลงน้ำเป็นประจำให้สวมใส่ชุดมิดชิด สวมถุงเท้า ถุงมือก็จะป้องกันดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น-ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่