กรุงเทพฯ 23 เม.ย.- ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาคดี “ฉ้อโกงประชาชน” บริษัทเมจิกสกิน ไปขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว ทนายเตรียมหลักทรัพย์ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท ยื่นประกันในชั้นศาล พร้อมตั้งข้อสังเกตทำธุรกิจเข้าข่ายฉ้อโกงอย่างไร เชื่อถูกกลั่นแกล้งเพราะขัดแย้งผลประโยชน์ ด้าน 1 ในผู้เสียหาย ยืนยัน เคยถูกขู่ฆ่าจากผู้ต้องหา ให้ถอนแจ้งความและยอมความ หลังเข้าแจ้งความกับกองปราบ
นายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทนายความของนางวรรณภา พวงสน และนายกร พวงสน ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน เครือข่ายบริษัทเมจิกสกิน บอกภายหลังเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาว่า ผู้ต้องหายังคงต้องสงสัยในข้อหาฉ้อโกงประชาชนที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา ว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายได้อย่างไร เพราะการทำธุรกิจ เป็นการซื้อขายขาด ทั้งนี้ทนายความชี้แจงว่า จุดที่ทำให้เป็นคดีความเกิดขึ้น เนื่องจาก ข้อเท็จจริงของผลิตภัณฑ์ในเครือเมจิกสกิน มีสลากหลังกล่องที่ระบุที่อยู่การผลิต ไม่ตรงกับ โรงงานที่ผลิตจริง พร้อมอ้างว่า คณะกรรมการอาหารและยา มีคำสั่งมาก่อนหน้านี้ว่า ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ไม่ได้มีสารอันตราย และสั่งให้ดำเนินการแก้ไขแล้ว แต่มาถูกดำเนินคดี หลังมีการโพสต์บนเพจเฟซบุ๊ก และเชื่อว่า เป็นการกลั่นแกล้งกันทางธุรกิจ ที่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน
ทั้งนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสด ไว้ขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นศาล รายละ 5แสน-1ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะเตรียมแจ้งความกลับผู้ที่ทำให้ได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทนายความ ระบุด้วยว่า มั่นใจในลูกความของตนเอง เพราะที่ผ่านมาตนเองทำงานด้านสิทธิมนุษยชน หากลูกความทำผิดจริง คงไม่เข้ามารับทำคดีนี้
ด้าน นางสาวนภัส ทยุติชยาธร 1 ในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เริ่มรู้จักเมจิกสกินจากการเห็นเนตไอดอลรีวิวสินค้าในเฟซบุ๊ก ที่แนะนำสินค้า ก่อนเข้าไปดูรายละเอียดจากเฟซบุ๊กของเมจิกสกินจริงๆและเริ่มสนใจ เพราะเห็นว่ามีโรงงานผลิตสินค้าเอง มีอย. และเงินค่าขายสินค้ามีค่าตอบแทนสูง พร้อมโน้มน้าวใจให้สต๊อกสินค้า ซึ่งตอนแรก ตัวเองตัดสินใจสั่งสินค้าในมูลค่าเพียง500บาท ซึ่งเป็นระดับต่ำ แต่ทางบริษัทใช้การโน้มน้าวว่า ยิ่งสต๊อกสินค้าเยอะ ยิ่งได้เงินเยอะ จึงหลงเชื่อ และสั่งจองสินค้าไป ทั้งเซรั่ม อาหารเสริมลดน้ำหนัก และสบู่ จนมาเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอก จากการที่ให้ลูกชายซึ่งป่วยเป็นสะเก็ดเงินลองใช้สินค้าไปประมาณ 2 สัปดาห์ และเกิดอาการแพ้ อักเสบจนเน่า จึงติดต่อกลับไปแต่ไม่ได้รับการรับผิดชอบ และบอกว่า เป็นผลข้างเคียงจากการปรับตัวของการใช้ผลิตภัณฑ์ และจะค่อยๆดีขึ้นเอง จึงเข้าขอความช่วยเหลือจากเพจดอกจิก ก่อนถูกข่มขู่กลับจากนางสาวตรีชฎา ให้ถอนแจ้งความ มิฉะนั้นจะบุกมาทำร้ายที่บ้าน
สำหรับมูลค่าความเสียหายที่ เกิดขึ้น รวมประมาณ 5 แสนบาท แต่พอมีกรณีของลูกชายตัวเองที่ฟ้องร้องค่าเสียหายไป จึงได้รับเงินคืนมาประมาณ 4 แสนบาท ทำให้ตอนนี้ เหลือประมาณ 1แสนบาท จึงรวมตัวกับลูกทีมคนอื่นเข้าแจ้งความกับกองปราบ
ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่ตำรวจจับกุมมาได้ เป็นระดับผู้บริหารของบริษัท แต่ไม่เคยได้เจอตัว มีทนายความของนางสาวตรีชฎา พยายามติดต่อมาเพื่อขอเจรจายอมความ และรับผิดชอบค่าเสียหายทุกกรณี แต่ตัวเองยืนยันว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.15น. พนักงานสอบสวนกองปราบปราม คุมตัว นางวรรณภา พวงสน และ นายกร พวงสน ผู้ต้องหาในคดี ฉ้อโกงประชาชน บริษัทเมจิคสกิน ไปขออำนาจศาลอาญารัชดา ฝากขัง หลังควบคุมตัวครบ 48ชั่วโมง โดยขณะถูกนำตัวออกจากห้องควบคุม ผู้ต้องหาทั้งสอง สวมหมวก หน้ากากอนามัย ปิดบังใบหน้า และไม่ได้ฝห้สัมภาษณ์ ใดใดกับสื่อมวลชน ก่อนจะขึ้นรถยนต์ของพนักงานสอบสวนออกจากกองบังคับการปราบปรามทันที
ส่วนด้าน นายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทนายความ ระบุเพียงสั้นๆว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเพิ่มเติมเสร็จสิ้นแล้ว จึงควบคุมตัวทั้ง2 ไปขออำนาจศาลฝากขัง ซึ่งตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องขอประกันตัวระหว่างต่อสู้คดี
ขณะที่ นายกสิทธิ์ วรชิงตัน หรือหญิงย้วย หนึ่งในผู้ต้องหา ล่าสุดยังพบว่าถูกควบคุมตัวในห้องควบคุมผู้ต้องหาของกองปราบปราม.-สำนักข่าวไทย