“รมว.พลังงาน” เปิดแข่งนำเข้าแอลเอ็นจี-ผลิตไฟฟ้า ย้ำเพื่อต้นทุนต่ำที่สุด

กรุงเทพฯ 20 เม.ย. – รมว.พลังงานเปิดไพ่อนาคตนำเข้าแอลเอ็นจี ไม่มีการทำสัญญาระยะยาว ให้เอกชนและภาครัฐแข่งขันนำเข้า ย้ำไม่กระทบความมั่นคงแต่ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำที่สุด พร้อมเสนอบอร์ด กพช.จันทร์นี้กำหนดกรอบพีดีพีใหม่และประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช 


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันจันทร์นี้ (23 เม.ย.) จะมีการพิจารณาเรื่องกรอบแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี) และการเปิดประมูลแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมหมดอายุในปี 2565-2566 คือ แหล่งเอราวัณและบงกช และการกำหนดกรอบพิจารณาแผนพีดีพี โดยเป้าหมายสำคัญ คือ ความมั่นคงและต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำ ซึ่งกรอบทั้งหมดจะเกี่ยวเนื่องกับการวางแผนด้านอื่น ๆ เช่น การนำเข้าก๊าซธรรมชาติ หรือแอลเอ็นจี 

ดังนั้น การนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีในอนาคตจะเป็นการแข่งขันภายใต้การเปิดให้บุคคลที่ 3  (Third Party Access Regime: TPA Regime) เข้ามาใช้ท่อก๊าซธรรมชาติและคลังของ บมจ.ปตท. รวมทั้งคลังลอยน้ำ (เอฟเอสอาร์ยู ) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) 5 ล้านตัน/ปี  โดยคลังแอลเอ็นจีของ ปตท.ประกอบด้วย คลังมาบตาพุด 11.5 ล้านตัน และคลังหนองแฟบกำลังก่อสร้าง 7.5 ล้านตัน  ซึ่งคลังมาบตาพุดมีสัญญาระยะยาว โดย ปตท.นำเข้าแล้ว 5.2 ล้านตัน และ กฟผ.ได้รับอนุมัตินำเข้าอีก 1.5 ล้านตัน ดังนั้น ที่เหลือของคลังมาบตาพุด 4.8 ล้านตัน จึงเป็นการเปิดเสรีนำเข้า ซึ่งผู้นำเข้าสามารถนำมาใช้ได้ทั้งภาคผลิตไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรมและอื่น ๆ


นายศิริ กล่าวว่า เพื่อตอบสนองนโยบายการแข่งขันเสรี ทางกระทรวงพลังงานจึงไม่อนุมัติให้ ปตท.ทำสัญญารับซื้อก๊าซแอลเอ็นจีจากแหล่งก๊าซโมซัมบิก 2.65 ล้านตัน/ปี  ในลักษณะสัญญาระยะยาว 20 ปี ที่จะต้องผูกพันและนำเข้ามาอยู่ในระบบ POOL GAS เหมือนสัญญาระยะยาวที่ ปตท.ทำไว้แล้ว 5.2 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานสนับสนุน ปตท.ให้ทำสัญญาซื้อแหล่งโมซัมบิก เพื่อให้เป็น PORTFOLIO  เช่นเดียวบริษัทน้ำมันแห่งชาติอื่น ๆ ส่วนก๊าซฯ ที่ซื้อ ปตท.ก็สามารถขายได้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งก็จะสามารถนำเข้าผ่านคลังมาบตาพุดในส่วนที่เหลือได้ เป็นผู้ค้าและผู้นำเข้าแอลเอ็นจี เหมือนกับเอกชนอื่น ๆทั่วไป แม้ว่าราคาจากโมซัมบิกจะมีราคาประมาณกว่า 7 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นหลักประกันว่าราคาจะต่ำที่สุด  

“แม้ประเทศไทยจะไม่ได้มีสัญญาระยะยาวสำหรับการนำเข้าแอลเอ็นจีในอนาคต แต่เชื่อมั่นว่าด้วยตลาดการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลาดแอลเอ็นจีมีมากขึ้นจะไม่กระทบต่อความมั่นคง และยังมีการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณที่เน้นความมั่นคงและราคาต่ำ จึงเชื่อว่าการเปิดเสรีเช่นนี้จะเป็นผลดีทั้งการสร้างความมั่นคงและต้นทุนค่าไฟฟ้าของชาวบ้าน” นายศิริ กล่าว 

นายศิริ กล่าวว่า กรณีเอกชน เช่น กัลฟ์ ก็สามารถแข่งขันได้ในการนำเข้าแอลเอ็นจี ส่วนสัญญาผูกพันเดิมที่มีไว้กับ ปตท.และมีข่าวว่ากัลฟ์ขอยกเลิก ก็เป็นเรื่องที่เอกชนจะคุยกันในด้านสัญญา  โดยทางภาครัฐจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว 


นายศิริ กล่าวว่า ร่างแผนพีดีพีฉบับใหม่คาดว่าหลังจาก กพช.อนุมัติแล้วจะกำหนดเสร็จเดือนมิถุนายน โดยให้นโยบายไปแล้วว่าค่าไฟฟ้าจะไม่แพงขึ้น ขณะที่การประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช จะประกาศเชิญชวนผู้สมัครร่วมประมูลได้ทันทีวันที่ 24 เมษายน ซึ่งจะเป็นการตรวจคุณสมบัติเบื้องต้นจะออกประกาศเชิญชวนเข้าร่วมการประมูลและคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Qualification :PQ) ในวันที่ 24 เมษายนนี้ ก่อนประกาศ TOR ต่อไป เพื่อให้ได้ผู้ชนะการประมูลตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ ได้ผู้ชนะการประมูลในเดือนธันวาคมนี้ และลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งการประมูลรัฐบาลไม่ได้เน้นเรื่องกำไรของภาครัฐแต่จะเน้นเรื่องค่าไฟฟ้าราคาต่ำ 

ดังนั้ การประมูลภาครัฐจึงให้น้ำหนัก 2 ส่วน คือ ข้อเสนอราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ ในสัดส่วน ร้อยละ 65 ที่ต้องแข่งขันบนพื้นฐานราคาก๊าซที่ต้องไปแพงไปกว่าสัญญาในปัจจุบัน และข้อเสนอการให้ผลตอบแทนแก่รัฐ ในสัดส่วนร้อยละ 25 โดยต้องกำหนดส่วนแบ่งกำไรแก่รัฐต้องไม่ต่ำร้อยละ 50 และ กำหนดเงื่อนไขทั้งส่งเสริมการใช้วัสดุหรือวัตถุดิบในประเทศและการรับพนักงานคนไทยเข้าดำเนินปฏิบัติงานไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 จะได้รับการพิจารณาป็นอันดับแรก นอกจากนี้ เพื่อความมั่นคงต่อเนื่องในการผลิต ได้กำหนดให้ผลิตจากแหล่งเอราวัณได้ทันที 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และบงกช 700 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน . -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]