ศธ.19 เม.ย.-ประธานสอบทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ รายงานผลที่ประชุมกระทรวงศึกษาฯ พร้อมเผยเร่งรัดข้อมูลให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยหลังการประชุมกระทรวงฯ ว่า วันนี้(19เม.ย.)เป็นการประชุม 2วาระ วาระที่ 1 คือ กระทรวงฯ จะต้องรับรู้และรับผิดชอบร่วมกันทั้งกระทรวงฯ เกี่ยวกับการทุจริตต่างๆ เรื่องที่ 2 คือเรื่องการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะผลสอบโอเน็ตหลังจากวิเคราะห์ผลสอบ ปัญหาใหญ่สุดคือคะแนนต่ำอยู่ในกลุ่มของโรงเรียนที่มีโอกาสน้อย กระทรวงฯจะต้องดู ปัญหาในเรื่องการเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต นายอรรถพล ตรึกตรอง ได้รายงานผลต่างๆ ให้ที่ประชุมทราบ ซึ่งข้อมูลที่ได้มาปรับใช้กับกองทุนอื่นๆ
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวว่า วันนี้ได้รายงานความก้าวหน้ากับที่ประชุม สรุปข้อมูลล่าสุดว่าเงินกองทุนได้จ่ายไปให้กับโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ทั้งหมด 41 แห่ง วิทยาลัยพยาบาล 26 แห่ง กศน.จังหวัด 3 แห่งและโอนเข้าบัญชีอื่นซึ่งเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง 39 คน และโอนเข้าบัญชีที่ไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด 68 บัญชี รวมใช้เงินกองทุนโอนไปตั้งแต่ปี 2548 จำนวน 230 ล้านบาท ขณะนี้ทราบแล้วว่ามีจุดรั่วตรงไหน และจะพยายามเร่งรัดข้อมูลทั้งหมดให้เสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายน ซึ่งขณะนี้รอข้อมูลบางส่วนอยู่ และได้ขอเส้นทางการเงินทางสถานศึกษาใหม่เพื่อตรวจสอบ หากได้เส้นทางการเงินแล้วจะสามารถขยายผล โดยใช้เลขที่บัญชีนำสืบต่อ ถึงขณะนั้นอาจจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบการปลอมแปลงหนังสือเอกสารราชการตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งประเด็นความผิดทั้งหมดกระทรวงศึกษาฯได้รายงานไปยัง ป.ป.ท. ล่าสุดเมื่อวานนี้ทราบข่าวว่าสามารถค้นเจอ ในจำนวนเจ้าของบัญชีมีข้าราชการเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรายเป็นทหารยศสิบโทและขณะนี้ทาง ป.ป.ท.ได้มีหนังสือส่งไปยังผู้ที่มีรายชื่อทุกคน เหลืออยู่ 2-3 คนที่ยังหาชื่อไม่เจอ
ส่วนความเสียหายล่าสุดตอนนี้มีวิทยาลัยพยาบาล ยังไม่ได้ยืนยันข้อมูล 12 แห่ง อีก 14 แห่งรายงานมาแล้ว ในส่วนวิทยาลัยพยาบาลมีการรับเงินเกินด้วย และจนถึงวันนี้ยังไม่ได้เรียกเงินคืน หลังจากนี้ทางปลัดกระทรวงศึกษาฯ จะเสนอคณะกรรมการให้เรียกเงินคืน จะต้องจ่ายเงินเพิ่มจำนวน 30 ล้านบาท ทางสพฐ.รอข้อมูลยืนยันจากศึกษาจังหวัดอีก 18 โรง ยืนยันข้อมูลมาแล้ว 26 แห่งจะต้องจ่ายเงินเพิ่มจำนวน 11 ล้านบาทและใน รร.ของ สพฐ.ก็มีการรับเงินเกินจำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งก็จะดำเนินการเรียกเงินคืนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ กองทุนมีภาระที่จะต้องหาเงินเพิ่มจำนวนประมาณกว่า 42 ล้านบาท หรือความเสียหายทางบัญชี .-สำนักข่าวไทย