ประจวบคีรีขันธ์ 18 เม.ย.-กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ปิดการท่องเที่ยวหาดทรายน้อย อ.หัวหิน ไปก่อนอย่างน้อย 20 วัน เร่งติดทุ่นตาข่ายเนื้ออวนป้องกันฉลาม
ความคืบหน้าเหตุนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ ถูกฉลามกัดขณะลงเล่นน้ำ บริเวณหาดทรายน้อย บ้านเขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วันนี้ 18 เม.ย.61 นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วย นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, นายบรรณารักษ์ เสริมทอง ผอ.สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่4 เพชรบุรี, นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่วัดถ้ำเขาเต่า ซึ่งเป็นจุดที่พระอาจารย์แดง เจ้าอาวาสวัดเขาเต่า ถ่ายคลิปวีดีโอ ฉลามอย่างน้อย 4 ตัว ว่ายวนไปมาบริเวณชายฝั่ง และใกล้โขดหินเขาเต่า และที่หาดทรายน้อย หมู่บ้านเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจดูสภาพพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูลจากพระลูกวัดถ้ำเขาเต่า และดูสภาพหาดทรายน้อย จุดที่นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ และร่วมกันวางแนวทางในการดูและและสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมายืนยันชัดเจนแล้วว่า นักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ ถูกฉลามทำร้ายเป็นฉลามหัวบาตรที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่ง จากร่องรอยบาดแผล ลักษณะของแนวฟัน พบว่าเป็นลูกฉลาม อายุไม่เกิน 1 ปี ความยาวไม่เกิน 1 เมตร เบื้องต้นได้ส่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างร่วมบูรณาการวางแนวทางป้องกัน ได้มีการจัดเรือ และโดรนมาสำรวจสภาพพื้นที่ และพูดคุยเพื่อหาข้อมูล สำหรับทะเลตรงนี้เป็นเขตอนุรักษ์ ไม่มีเรือเข้ามาทำการประมง เป็นเขตอภัยทานและเขตพระราชฐาน ไม่มีนักท่องเที่ยวจึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล มีลักษณะของห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์ ซึ่งฉลามก็ถือเป็นสัตว์ที่อยู่ด้านบนของห่วงโซ่อาหาร คือเป็นสัตว์ผู้ล่าปลาขนาดเล็กในทะเล ซึ่งก็เป็นลักษณะปกติของทะเลไทย อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการแจ้งเตือนไปยังโรงแรมต่างๆ ให้ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังในการเล่นน้ำทะเล เช่น ไม่เล่นน้ำบริเวณที่มีน้ำขุ่น น้ำลึก ไม่แต่งกายด้วยสีฉูดฉาดลงเล่นน้ำทะเล เป็นต้น นอกจากนี้จะมีมาตรการเพื่อสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวทั้งระยะสั้นและระยะยาว
นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า การพบเห็นฉลามบริเวณนี้ถือเป็นแนวโน้มที่ดี ชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ที่มีสัตว์น้ำวัยอ่อนอยู่จำนวนมาก จากการตรวจสอบข้อมูลฉลามหัวบาตรจะออกหากินในช่วงที่อุณหภูมิเย็นลงหรือประมาณ 16.00 น. เป็นต้นไป ลักษณะการเข้าจู่โจมนักท่องเที่ยว ไม่ใช่พฤติกรรมการล่า หรือการทำร้าย อาจเป็นเพราะฉลามตกใจนักท่องเที่ยว หรือคิดว่าขานักท่องเที่ยวเป็นอาหาร จึงเข้างับเพื่อทดสอบเหยื่อ อีกทั้งลักษณะบาดแผลก็มีความชัดเจน เป็นการกัดแล้วปล่อย ไม่ใช่กัดแล้วสะบัดเหยื่อ เพื่อล่าเป็นอาหาร ทั้งนี้ก็ยอมรับว่าบาดแผลของนักท่องเที่ยวเกิดจากฉลามกัด และท้องทะเลบริเวณนี้ก็มีฉลามจริง แต่ประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่ต้องวิตกกังวล เพราะกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันวางแนวทางบริหารจัดการในการอยู่ร่วมกัน ให้นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำได้ และสัตว์ทะเลก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
ขณะนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง วางโมเดลในการวางทุ่นตาข่ายเนื้ออวนป้องกันฉลาม ปิดหน้าอ่าวหาดทรายน้อยระยะประมาณ 300 เมตร ซึ่งทุ่นตาข่ายนี้มีใช้กันในต่างประเทศ สำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมามีการติดตั้งทุ่นตาข่ายเพื่อป้องกันแมงกะพรุนกล่องเท่านั้น แต่ที่หัวหินจะเป็นแห่งแรกที่มีการติดตั้งทุ่นตายข่ายเพื่อป้องกันฉลาม ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ในระหว่างที่ยังไม่มีการติดตั้งทุ่นตาข่าย จะต้องมีการดูแลพื้นที่จากทุกฝ่าย และจะต้องปิดการท่องเที่ยวหาดทรายน้อยไปก่อนอย่างน้อย 20 วัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ นอกจากนี้ในอนาคตอาจจะมีการขยายผลไปติดตั้งทุ่นตาข่ายไปยังจุดอื่นๆ ของหาดหัวหิน เพื่อให้หัวหินเป็นชายหาดที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย นอกจากนี้จะจัดส่งทีมนักวิจัย นักวิชาการลงพื้นที่สำรวจหาข้อมูลกันอย่างจริงจังด้วย แต่ก็มั่นใจได้ว่าฉลามหัวบาตรจะไม่เคลื่อนย้ายไปหากินพื้นที่อื่น เนื่องจากหาดหัวหินมีกิจกรรมชายหาดค่อนข้างเยอะ มีนักท่องเที่ยว เรือเพื่อการท่องเที่ยว และเรือประมง.-สำนักข่าวไทย