การรถไฟแห่งประเทศไทย เพิ่มมาตรการรักษาความความปลอดภัย เทศกาลสงกรานต์

กรุงเทพฯ 11 เม.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย
เพิ่มมาตรการรักษาความความปลอดภัย
คุมเข้มบนขบวนรถและสถานีรถไฟให้ปลอดแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์


นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน
สงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์ พร้อมด้วยนายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ
  รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการเดินรถ
การรถไฟแห่งประเทศไทย นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ
   เพื่อรณรงค์ให้คนไทยไม่ขับรถเมื่อเมาสุรา

นายอานนท์
เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
เปิดเผยว่า ในส่วนของการรถไฟฯ
ได้ให้ความร่วมมือสนับสนุนนโยบายเมาไม่ขับ โดยมีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ
การตรวจหาสารเสพติดให้กับพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถ และประจำสถานี ก่อนปฏิบัติหน้าที่
พร้อมทั้งได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดเรื่องห้ามจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และสารเสพติด บนขบวนรถและบริเวณสถานีรถไฟ
โดยได้ประสานงานขอความร่วมมือไปยังบังคับการตำรวจรถไฟ
เพื่อเพิ่มความเข้มงวดการรักษาความปลอดภัย


นอกจากนี้ได้เตรียมแผนมาตรการด้านความปลอดภัยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ
การเดินขบวนรถ  คือ
1. มาตรการด้านพนักงาน
กวดขันพนักงานด้านปฏิบัติการ (
Operating) ของทุกฝ่าย เช่น
นายสถานี พนักงานรักษารถ พนักงานห้ามล้อ พนักงานกั้นถนน พนักงานขับรถ
พนักงานช่างเครื่อง ฯลฯ ให้ถือปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
ระดมพนักงานด้านช่างเทคนิคต่าง ๆ ประจำอยู่ที่ศูนย์กลางกรุงเทพ
เพื่อประสานงานและติดตาม หรือสั่งการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลตลอด
24 ชั่วโมง และจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยประจำการรถไฟฯ
และศูนย์ปลอดภัยตามภูมิภาครวม
5 เขต คือ เขต 1 ศูนย์ปลอดภัยประจำอยู่ที่สถานีกรุงเทพ เขต 2
ศูนย์ปลอดภัยประจำอยู่ที่สถานีนครราชสีมา เขต
3
ศูนย์ปลอดภัยประจำอยู่ที่สถานีอุตรดิตถ์ เขต
4
ศูนย์ปลอดภัยประจำอยู่ที่สถานีชุมพร เขต
5
ศูนย์ปลอดภัยประจำอยู่ที่สถานีชุดทางหาดใหญ่ ศูนย์ปลอดภัยทั้ง
5 เขต จะมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุม ติดตาม
ประสานงานกับศูนย์ประสานการปฏิบัติการเตรียมความพร้อมด้านขนส่ง (จังหวัด)
ประสานกับศูนย์ปลอดภัยกระทรวงคมนาคม หรือประสานกับส่วนราชการต่าง ๆ

2. มาตรการด้านรถจักร/รถพ่วง
ตรวจสอบสภาพรถจักร รถพ่วง อุปกรณ์ล้อเลื่อนต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
และหมั่นตรวจสอบความผิดปกติของอุปกรณ์ล้อเลื่อนต่าง ๆ ขณะทำขบวนระหว่างทาง
และก่อนนำออกใช้งาน หากสถานีใดกำหนดให้ขบวนรถหยุดมากกว่า
10
นาทีขึ้นไป พนักงานด้านเทคนิคต่าง ๆ เช่น พนักงานตรวจกล ช่างไฟฟ้า นายสถานี
พนักงานรักษารถ ต้องร่วมกันตรวจสอบความเรียบร้อย ความสมบูรณ์ของรถจักร รถพ่วง
อุปกรณ์ล้อเลื่อนต่าง ๆ อีกครั้งหนึ่ง

3. มาตรการจัดพนักงานตรวจสภาพทางอย่างน้อยวันละครั้ง
และเพิ่มความถี่ในการออกตรวจในช่วงเทศกาล
ขจัดทัศนวิสัยสองข้างทางรถไฟโดยเฉพาะบริเวณจุดตัดระหว่างทางรถไฟกับทางถนนเพื่อมิให้เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการเดินรถ
พนักงานขบวนรถสามารถมองเห็นสภาพสองข้างทางได้อย่างสะดวก ชัดเจน
สามารถมองเห็นอาณัติสัญญาณต่าง ๆ หรือเห็นยวดยานพาหนะต่าง ๆ
ที่ขับผ่านถนนเสมอระดับทางรถไฟได้อย่างสะดวก ชัดเจน หรือในทางกลับกัน
ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะสามารถมองเห็นขบวนรถไฟ อาณัติสัญญาณได้อย่างสะดวก ชัดเจน
เช่นเดียวกัน


4. มาตรการด้านอาณัติสัญญาณ
ตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องอาณัติสัญญาณโทรคมนาคม เช่น เสาอาณัติสัญญาณไฟสี
เครื่องทางสะดวก เครื่องกั้นถนน เครื่องโทรศัพท์ควบคุมการเดินรถ
ที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถให้สามารถใช้งานได้ดีตลอดเวลา
โดยจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจวันละ
2 ครั้ง
นอกจากนี้ได้เพิ่มป้ายเตือนต่าง ๆ ในบริเวณทางผ่านที่มีเครื่องกั้นอัติโนมัติ
และเครื่องกั้นชนิดแผงกั้น โดยทำการปรับปรุง ทาสี ให้สามารถมองเห็นได้อย่างสะดวก
ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพิ่มไฟฟ้าแสดงสว่างให้เพียงพอมิให้เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการเดินรถ

รวมทั้ง
รฟท.ได้ประสานขอความร่วมมือไปยังกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท องค์การบริหารส่วนตำบล
องค์การบริหารส่วนจังหวัด และสถานีตำรวจภูธร 
ในเขตแต่ละพื้นที่ร่วมรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับป้ายเตือน/ป้ายอาณัติสัญญาณ/เครื่องอาณัติสัญญาณต่าง
ๆ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุการเดินทาง
นอกจากนั้นได้ขอความร่วมมือมายังประชาชนที่เดินทาง
ขอให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการโดยสารรถไฟ ห้ามยืนระหว่างหัวต่อรถโดยสาร
และห้ามใช้บันไดเป็นที่โดยสาร ห้ามขึ้นรถในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่เพราะอาจพลัดตกเสียชีวิตได้
ระมัดระวังทรัพย์สินมีค่าของท่าน อย่าฝากสิ่งของที่มีค่าไว้กับบุคคลแปลกหน้า
ห้ามจำหน่าย และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติด บนขบวนรถและสถานีรถไฟ
เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน
1690 ตลอด 24ชั่วโมง . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]