กรุงเทพฯ 1 ต.ค. – นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล หรือ เฮียตือ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมรับในชะตากรรม กรณีถูกศาลสั่งยึดบ้านและที่ดิน รวมถึงอาจถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุยอมรับกับคำตัดสินของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ให้ยึดทรัพย์บ้านและที่ดินมูลค่า 16 ล้านบาท และอาจถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต โดยนายสมศักดิ์ระบว่า ทำใจมานานแล้ว เป็นนักการเมือง ต้องรับสภาพที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์กล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรรู้ดีไปกว่าตัวเรา เราย่อมรู้ตัวเราเองดีว่า ทำอะไรลงไปอย่างไร อย่างน้อย เรารู้ตัวเรา เราก็สบายใจ”
สำหรับ กรณีดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่ำรวยผิดปกติจากการสร้างบ้านมูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท โดยศาลได้ไต่สวนพยานกว่า 10 ปาก ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม – 14 กันยายน 2559 โดยนายสมศักดิ์ ได้ต่อสู้คดีใน 3 ประเด็นใหญ่ คือ คำร้องคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการที่คดีมีอายุเกินกว่า 10 ปี ถือว่าขาดอายุความหรือไม่ รวมทั้งการชี้แจงที่มาของเงิน ซึ่งนายสมศักดิ์ ไม่สามารถต่อสู้ได้ทั้ง 3 ประเด็น โดยเฉพาะไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินที่ใช้ในการก่อสร้างบ้าน เลขที่ 5/5 หมู่ 5 ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เนื้อที่ 3 ไร่ 24.1 ตารางวา ปลูกอยู่บนโฉนดเลขที่ 14360 ได้ แม้จะอ้างว่าเป็นเงินที่เหลือจากการสนับสนุนการเลือกตั้งของพรรคชาติไทยและเงินกงสี รวมถึงกรณีการพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปแล้ว แต่การมีสถานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้บ้านดังกล่าวมาในระหว่างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและไม่อาจนำสืบไต่สวนให้เห็นได้ว่าได้บ้านดังกล่าวมาโดยไม่ได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ เป็นผลให้การได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมิชอบและขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนอันเป็นผลต่อกฎหมายที่บัญญัติให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้มาตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542.- สำนักข่าวไทย