กกต. 5 เม.ย.- พรรคทางเลือกใหม่ประเดิมยื่นหลักฐานสมาชิก 500 ทุนประเดิม 1 ล้าน ขอจดทะเบียนตั้งพรรค “ราเชน” รับได้ หากโรดแมปเลือกตั้งเคลื่อน ปรามกลุ่มคนอยากเลือกตั้งหยุดเคลื่อนไหว หวั่นถูก คสช.ใช้เป็นข้ออ้างยกเลิกเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 5 เม.ย.) นายราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ พร้อมสมาชิกพรรค เดินทางเข้ายื่นคำขอและหลักฐาน เพื่อขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคทางเลือกใหม่ ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคไม่น้อยกว่า 250 คน ไป เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ตามที่ได้รับอนุญาตจาก คสช.
นายราเชน กล่าวว่า พรรคเตรียมการมาตั้งแต่มีการร่างรัฐธรรมนูญ ต่อเนื่องจนมีการออก พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ศึกษาฎหมายมาตลอด เหมือนนักมวยที่หมั่นฟิตซ้อม ขณะนี้เรามีสมาชิกพรรคเกินกว่า 500 คน และมีเงินทุนประเดิมครบ 1 ล้านบาท พร้อมที่จะทำไพรมารีโหวต ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งครบทุกเขตเลือกตั้ง
“เราเป็นพรรคแรกได้จดจัดตั้งก่อนใคร เพราะตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมืองในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นอย่างไม่มีวันหยุด ไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อตามกระแส จากนี้จะรอการพิจารณารับรองอย่างเป็นทางการจาก กกต. คิดว่าคงไม่มีปัญหา” นายราเชน กล่าว
ต่อข้อถามถึงจุดยืนของพรรคในการเลือกนายกรัฐมนตรี นายราเชน กล่าวว่า เมื่อเป็นพรรค สมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรคก็ต้องเลือกชูหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งบรรดาหัวหน้าพรรคการเมือง ทั้งใหม่และเก่า มีสิทธิเท่ากัน ส่วนพรรคไหนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก็เป็นสิทธิเสรีภาพ และถ้ามาโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็พร้อมสนับสนุน แต่ก็เห็นว่า เรื่องดังกล่าวยังไกลเกินไปที่จะพูด
ส่วนที่โรดแมปการเลือกตั้งอาจต้องเลื่อนไป เนื่องจากมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่างพ.รป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. นายราเชน กล่าวว่า พรรคก็เคารพในกติกาของผู้มีอำนาจ และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเลื่อนการเลือกตั้ง ดังนั้น กฎหมายออกมาอย่างไร เราก็เคารพ
นายราเชน ยังกล่าวถึง การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ว่า หากอยากเลือกตั้งจริง ก็ขอให้เข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะสิ่งที่กลุ่มดังกล่าวดำเนินการอยู่ คิดว่าเป็นการสุ่มเสี่ยงจะทำให้ไม่มีการเลือกตั้งได้ เพราะอาจทำให้ คสช. ใช้เป็นเหตุเลื่อน หรือยกเลิกการเลือกตั้ง การจะเคลื่อนไหว ควรทำตามกฎหมาย ทำเพื่อปากท้องประชาชนอย่างแท้จริง .- สำนักข่าวไทย