กรมชลประทาน 3 ต.ค.-กรมชลประทาน ยังลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนลดลงอย่างต่อเนื่อง ย้ำปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไม่กระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันปริมาณฝนในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนลดลง ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรังลดลง กรมชลประทานยังใช้ระบบชลประทานฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก แบ่งรับน้ำ ทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดวันนี้(3 ต.ค.)เขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,644 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากปริมาณน้ำที่ได้มีการระบายสูงสุด 1,998 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในช่วงวันที่ 29 กันยายน – 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลดลงอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 20 – 30 เซนติเมตร
ขณะเดียวกัน กรมชลประทานยังระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ช่วยระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลลง รวมปริมาณน้ำที่ได้ระบายลงสู่ทะเลตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน – 3 ตุลาคม 2559 ประมาณทั้งสิ้น 187 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักในช่วงเดือนตุลาคม ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ไว้อย่างใกล้ชิดต่อไป
นายทองเปลง กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนนั้น ยังมีพื้นที่เพียงพอที่จะรับปริมาณน้ำ ที่จะเกิดจากฝนตกเหนือเขื่อนได้ทั้งหมด ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนยังอยู่ในเกณฑ์มาก ทำให้ต้องระบายน้ำในอัตราวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะสามารถเก็บกักน้ำได้เต็มอ่างในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ กรมชลประทานได้วางแนวทางในการบริหารจัดการน้ำบริเวณท้ายเขื่อนป่าสักฯ โดยการใช้เขื่อนพระรามหกเป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ โดยบริเวณเหนือเขื่อนพระรามหก จะแบ่งรับน้ำลงคลองระพีพัฒน์ ในปริมาณ 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในเกณฑ์ไม่เกิน 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีวินาที ซึ่งวันนี้(3 ต.ค.)มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 518 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีวินาที โดยไม่มีพื้นที่ใดได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ
อนึ่ง ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เริ่มมีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติม กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำในระบบชลประทาน โดยการพร่องน้ำให้อยู่ในระดับเก็บกักต่ำสุด เพื่อให้มีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำที่จะเกิดจากฝนตกหนักลงมาอีก จากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำที่จะเคลื่อนลงมาสู่พื้นที่ภาคกลางตอนล่างในโอกาสต่อไป-สำนักข่าวไทย