“ไพบูลย์”ยื่นฟ้อง”นันทศักดิ์”ผิด ม.157 กรณีสั่งคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย

กทม.15 มี.ค.-อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นฟ้องอดีตอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ ผิด ม.157 กรณีเร่งรีบสั่งคดีที่ผู้ฟ้องตกเป็นผู้ต้องหาโดยใช้เวลาดูสำนวนเพียง 6 วัน 


นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นฟ้องนายนันทศักดิ์ พูลสุข อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ เป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เนื่องจากสั่งคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีสั่งฟ้องข้อหา ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งความผิดข้อหาดังกล่าวโจทก์ไม่เคยได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมาก่อนที่จำเลยจะสั่งคดี อีกทั้งจำเลยได้รับสำนวนการสอบสวน 217 แฟ้มในวันที่ 1 พฤษภาคม 2557  มีผู้ถูกกล่าวหา 51 ราย แต่กลับใช้เวลาในการพิจารณาเพียง 6 วัน และสั่งฟ้องโจทก์ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 


ศาลนัดตรวจคำฟ้องว่าครบถ้วนตามกฎหมายที่จะรับคดีไว้ไตร่สวนมูลฟ้องโจทก์ได้หรือไม่วันที่ 10 เมษายนนี้   

นายไพบูลย์ กล่าวว่า  อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ สั่งฟ้องแกนนำ กปปส. เมื่อ 8 พฤษภาคม 2557 หลังจากตนไปฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยในวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 เป็นมติเอกฉันท์ว่า ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดความเป็นนายกฯพร้อมรัฐมนตรีบางท่านทำให้ส่งผลกระทบต่อสถานภาพรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งมีอดีตผู้บังคับบัญชาของนายนันทศักดิ์ จำเลย เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลและกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย  เชื่อว่าอาจเป็นเหตุจูงใจหนึ่งให้จำเลยบิดผันอำนาจและมีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องโจทก์อย่างเร่งรีบผิดปกติ ไม่เป็นไปตามกระบวนการตามขั้นตอน  โดยใช้เวลาในการพิจารณาเพียง 6 วัน อาจทำให้ละเลยไม่เห็นรายละเอียด ไม่ได้จำแนกผู้ต้องหา จึงเป็นการฟ้องแบบเหมาเข่งอย่างเร่งรีบ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด องค์กรอัยการ รวมทั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 เรื่องหลักนิติธรรมและมาตรา 265 วรรค 5 ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบซี่งศาลฎีกาวางบรรทัดฐานไว้แล้ว ดังนั้นเพื่อรักษาหลักนิติธรรม และเป็นประโยชน์แก่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและประโยชน์ของประชาชน จึงนำคดีนี้มาฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า การสั่งคดีของอัยการจะต้องเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม แม้อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่คดีการกระทำความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มาตรา 157 มีอายุความ 10 ปี ดังนั้นการฟ้องคดีจึงยังอยู่ในอายุความ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]