ปตท.สผ.ศึกษาธุรกิจใหม่หนุนสำรวจและผลิต

กรุงเทพฯ 7 มี.ค. – ปตท.สผ.เตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ศึกษาธุรกิจใหม่ๆ แต่ยังยึดธุรกิจหลักไม่เปลี่ยนแปลง


นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ.อยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักคือสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยศึกษาทั้งธุรกิจต่อเนื่องด้านการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบธุรกิจปิโตรเลียม ,การผลิตไฟฟ้าในเมียนมา รวมถึงห่วงโซ่ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ทั้งแบตเตอรี่ และโซล่าร์ นอกเหนือจากปัจจุบันที่มีการต่อยอดไปในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) แล้ว โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนอย่างน้อย 1 ธุรกิจในปีนี้ แต่ยังยืนยันว่าธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจะยังเป็นธุรกิจหลักของปตท.สผ. 

นายสมพรกล่าวว่า หลังจากที่ปตท.สผ.ทำธุรกิจขุดเจาะสำรวจและผลิตมานานกว่า 30 ปี จึงเห็นว่า จำเป็นต้องเริ่มมองหาธุรกิจแนวใหม่ คาดหวังว่า ภายในปีนี้ จะมีความคืบหน้าอย่างน้อย 1 แนวคิด เพื่อให้เกิดการเตรียมความพร้อมขององค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ย้ำว่า ธุรกิจหลังสำรวจและผลิต และการ Bid สัมปทานก็ยังต้องเป็นหลักต่อไป  


นายสมพร กล่าวอีกว่า การศึกษาธุรกิจใหม่ดังกล่าวอยู่ในแผนกลุยทธ์ 3R ที่ได้กำหนดไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ได้แก่ RESET ,REFOCUS และ RENEW โดยในส่วนของ RENEW ปัจจุบันมีความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของงาน 2 ส่วน ได้แก่ Old Thing New Way ซึ่งเป็นการทำการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะให้ความสำคัญกับดิจิทัลมากขึ้นทั้งในการสำรวจและการบำรุงรักษา ตลอดจนการซ่อมบำรุง ซึ่งจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและช่วยลดต้นทุนรวม  

ส่วนอีกแนวทางหนึ่ง คือ New Thing New Way ซึ่งจะเป็นการพิจารณาลงทุนธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจด้านการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบธุรกิจปิโตรเลียม เนื่องจากบริษัทจะต้องรื้อถอนสิ่งติดตั้งบางส่วนในพื้นที่ปิโตรเลียมของบริษัทที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 65-66 อยู่แล้วทำให้เริ่มมองการลงทุนในธุรกิจนี้ ซึ่งอาจจะเข้าร่วมทุนกับผู้ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ต่อไป  

ธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งบริษัทไม่ได้มองการลงทุนในไทย เพราะยังมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่มองเห็นโอกาสการต่อยอดธุรกิจจากแหล่งสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพื่อมุ่งสู่ธุรกิจไฟฟ้าในเมียนมาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น เบื้องต้นมองโอกาสในพื้นที่ปิโตรเลียม M3 ซึ่งเป็นแหล่งในทะเลที่ยังสำรวจพบปิโตรเลียมในปริมาณไม่มากนัก จึงได้แจ้งความประสงค์กับรัฐบาลเมียนมา เพื่อจะสำรวจเพิ่มเติมนำก๊าซฯมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า โดยจะร่วมกับบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) เตรียมเสนอแพ็กเกจโครงการต่อรัฐบาลเมียนมา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งแรกปีนี้  


“กรณีเมียนมาเรารู้แน่ ๆ ว่าต้องการใช้ไฟฟ้ามาก เขาชักชวนผู้ลงทุนไปเสนอโครงการเพื่อจะผลิตไฟฟ้า ซึ่งความต้องการใช้อยู่ที่ย่างกุ้ง แต่แทนที่เราจะขายก๊าซฯเราก็อาจจะพิจารณาทำโรงไฟฟ้า เพราะจากการทำธุรกิจในเมียนมาอย่างยาวนาน ทำให้มองว่า แหล่ง  M3 อยู่ในวิสัยที่จะมาต่อยอดหรือเป็นส่วนหนึ่งมากกว่า คือที่บอกปริมาณสำรองน้อยไปหน่อย ถ้าไม่ทำอะไรก็เสียประโยชน์ เรามีท่อพาดผ่านแล้ว อย่างน้อยทำอะไรได้ไหมก็คิดอยู่ ต้องดูว่ามีแนวคิด อะไรในการที่จะทำแพ็กเกจเพื่อให้ข้อเสนอเราเป็นที่น่าสนใจ”นายสมพร กล่าว  

นายสมพร กล่าวว่า สำหรับธุรกิจใหม่บริษัทยังให้ความสนใจธุรกิจที่เป็นห่วงโซ่ (Value Chain) เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีห่วงโซ่ค่อนข้างยาวเริ่มตั้งแต่แบตเตอรี่ ,แหล่งแร่ ,การซ่อมบำรุง ,การติดตั้งในรูปแบบโซลาร์ฟาร์ม ก็จะมองหาโอกาสเข้าไปลงทุนในห่วงโซ่ดังกล่าวซึ่งอาจจะเป็นธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มได้มากน้อยแค่ไหน และจะมีความคุ้มค่าเพียงใด ขณะที่ในส่วนของห่วงโซ่ธุรกิจก๊าซฯ ก็ได้เริ่มแล้วในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ได้ร่วมมือกับปตท. เข้าไปลงทุน 10% ในโรงงานผลิต LNG ในมาเลเซีย  

ด้านกลยุทธ์ RESET บริษัทได้ปรับวิธีการทำงานเพื่อลดต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ลงมาอยู่ในระดับฐานใหม่ที่ราว 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพื่อให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับไม่สูงมาก และกลยุทธ์ REFOCUS เน้นขยายการลงทุนและเติบโตในพื้นที่ที่มีความเชี่ยวชาญและพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง โดยล่าสุดได้เข้าไปร่วมลงทุนพัฒนาแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในบราซิลและเม็กซิโก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง ขณะเดียวกันก็เริ่มเพิ่มงบประมาณการสำรวจปิโตรเลียมมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นพบแหล่งใหม่ ๆ จากที่ได้ชะลองบประมาณสำหรับการสำรวจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่สถานการณ์ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ โดยปีนี้ตั้งงบประมาณสำรวจไว้ราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับการขุดเจาะหลุมในเมียนมา และในไทย  

นายสมพร กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการทบทวนโครงการลงทุนสำคัญในต่างประเทศ 5 แห่งเพื่อหาแนวทางบริหารจัดการที่ดีที่สุดกับบริษัท โดยในส่วนของโครงการ M3 ในเมียนมา มีแผนที่จะนำมาก๊าซฯมาพัฒนารองรับการผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับเมียนมา ขณะที่โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน และ โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ อยู่ระหว่างการผลักดันให้เกิดการตัดสินใจในการลงทุนต่อไป 

อย่างไรก็ตาม มีส่วนโครงการที่ต้องทบทวน ได้แก่ โครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ในแคนาดา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันในแคนาดา ที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3/60 และแม้สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับขึ้นมา แต่ราคาน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นน้ำมันที่มีความหนืด ประกอบกับ ในพื้นที่ดังกล่าวก็ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดพัฒนาแหล่งออยล์ แซนด์ใหม่ ๆ ขึ้นมา ทำให้บริษัทพิจารณาความเป็นไปได้ของการลดสัดส่วน หรือขายสัดส่วนจากปัจจุบันที่ถืออยู่ 100% โดยจะเสนอขายให้กับผู้ที่ดำเนินการอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งจะมีความสามารถในการพัฒนาโครงการได้มากกว่าบริษัท ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มออกไปมองหาความสนใจในตลาดบ้างแล้ว  

ส่วนโครงการแคช เมเปิ้ล ในออสเตรเลีย ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาทางเลือกต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสในการพัฒนาโครงการ โดยมองหาพันธมิตรเข้ามาร่วมดำเนินการ จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ 100% เนื่องจากเห็นว่าแหล่งดังกล่าวเป็นแหล่งก๊าซฯขนาดใหญ่ 3-4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (TCF) แต่อยู่ในพื้นที่ที่ไกลจากตลาดที่อยู่ทางตะวันออก ส่วนแหล่งผลิตจะอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้การผลิตก๊าซฯจากแหล่งดังกล่าวอยู่ในรูปแบบของ LNG ซึ่งต้องเชื่อมโยงกับโรงงานผลิต LNG ในบริเวณใกล้เคียงซึ่งก็ยังมีคิวที่รอการนำก๊าซฯเข้าโรงงานผลิต LNG จำนวนมาก ทำให้การพัฒนายังไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววัน 

“ตอนนี้มี 2-3 option ที่จะเปิดโอกาสให้เราพัฒนาแหล่งแคช เมเปิ้ลได้ ก็ดูว่า option ไหนทำได้ดีและมีความเป็นไปได้สูงสุด ตอนนี้เรามองว่าจะหาพันธมิตรน่าจะเป็นประโยชน์ เพื่อมาร่วมพัฒนาแหล่งแคช เมเปิ้ลได้ดี เรากำลังทำการเปรียบเทียบอยู่”นายสมพร กล่าว  

นายสมพร กล่าวถึงแหล่งน้ำมันดิบมอนทาราในออสเตรเลียด้วยว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งนี้ราว 1 หมื่นบาร์เรล/วัน หลังจากที่ได้ขุดหลุมผลิตใหม่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทก็ยังเปิดโอกาสในการมองหารายใหม่เพื่อเข้ามาซื้อโครงการเพราะยังเชื่อว่าคนในพื้นที่น่าจะสามารถพัฒนาแหล่งน้ำมันนี้ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าได้  

ส่วนโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการเซาท์เวสต์เวียดนาม หรือโครงการบล๊อก B ในเวียดนามที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนราว 7-8% นั้น น่าจะสามารถตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision :FID) ได้ในปี 61 ส่วนในอนาคตจะมีการพัฒนาแหล่งก๊าซฯนี้เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าหรือไม่นั้น ทางบริษัทก็อยู่ระหว่างเก็บข้อมูล แต่การดำเนินการจะขอเริ่มที่เมียนมาก่อน – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ รายงานตัวต่อสภาแล้ว

รัฐสภา 10 ก.ย.- “3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ “ทิพานัน-พล.ต.อ.อัศวิน-รุ่งเรือง” รายงานตัวต่อสภาแล้ว พร้อมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประเทศ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามประกาศสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายสุชาติ สิ้นสุดลง จึงประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ เลื่อนขึ้นมาเป็น สส. แทน โดย น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การเป็น สส. คือผู้แทนของประชาชน วันนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ได้เป็นตัวแทนในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งการมีกฎหมายที่ถูกต้องชัดเจนเป็นเรื่องที่ดี และจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้มีกฎหมายที่ต้องอยากขับเคลื่อนโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องอากาศที่มีผลกระทบกับคนไทย นอกจากนี้ยังมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายธนกร […]

“นายกฯ หนู” ล้อมวงเพื่อนทหารกินร้านโปรดหน้าวัดไตรมิตรฯ

กทม 10 ก.ย.- “นายกฯ หนู” ควงภรรยา กินร้านโปรด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา หน้าวัดไตรมิตรฯ ล้อมวงเพื่อนทหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (9 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภรรยา เดินทางไปรับประทานร้านโปรด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา หน้าวัดไตรมิตรฯ โดยมี พล.ท.สุเมธ พรหมตรุษ ผบ.ศตก. ว่าที่ ผบ.ศรภ. ที่ต้องรับผิดชอบการดูแล รปภ. นายกฯ ตามระเบียบ และพลตรี สราวุธ ไชยสิทธิ์ รองแม่ทัพภาค1 ว่าที่ แม่ทัพน้อย1 ที่สนิทสนมกันมานาน และ “นายกฯ ด๊อยซ์” อัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ร่วมโต๊ะด้วย -สำนักข่าวไทย

กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟล้ม 24 ต้น ทำไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้าพัง

เชียงใหม่ 8 ก.ย.-วินาศสันตะโร กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟฟ้าล้ม 24 ต้น บนถนนหนองฮ่อ อ.เมืองเชียงใหม่ ทำให้ไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้ากว่า 10 หลัง พังเสียหาย ส่วนรถเสียหายนับสิบคัน ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง อุบัติเหตุเกิดขึ้นช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังรถกระบะบรรทุกน้ำดื่มเอกชนพุ่งชนเสาไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนถึง สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ประมาณ 300 เมตร โดยรถกระบะได้พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนหักโค่นลงมา ก่อนที่รถจะเกี่ยวเข้ากับสายไฟลากไปอีกหลายสิบเมตร ทำให้สายไฟถูกดึงจนทำให้เสาไฟฟ้าโค่นล้มต่อๆ กันลงมาขวางถนนรวมแล้วกว่า 24 ต้น เสาไฟกิ่งเสียหาย 25 ต้น ทับบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าพังเสียหายกว่า 10 หลัง และยังมีรถยนต์ที่จอดไว้ในบ้าน ริมถนน และที่ขับผ่านมา ถูกทับเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 10 คัน นอกจากนี้สายไฟฟ้าที่ถูกดึงจนขาดยังทำให้เกิดเพลิงไหม้ร้านอาหารบริเวณดังกล่าวจนวอดเสียหายเกือบทั้งหมด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ขณะที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถกระบะสีขาว เป็นรถขนส่งน้ำดื่มอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับ ถังน้ำดื่มตกเกลื่อน พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คน เป็นพนักงานขับรถและคนงานที่นั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำออกมาจากรถนำส่งโรงพยาบาล โดยพนักงานที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาล […]

นายกฯ บอกไม่รู้ “สันติ” ขาดคุณสมบัตินั่งรัฐมนตรี

พรรคภูมิใจไทย 9 ก.ย.-นายกฯ บอกไม่รู้ “สันติ” ขาดคุณสมบัตินั่งรัฐมนตรี ส่วน “วรภัค” ถูก ป.ป.ช.กล่าวหา ขอรอฟัง เลขาฯ ครม. ยันถ้าเป็นไม่ได้ ก็เป็นไม่ได้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี นั้น นายอนุทิน ถึงกับร้องหึ้ย ตนยังไม่ทราบ ท่านเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะแจ้งมาหากใครมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ และชัดเจนว่าหากใครมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ก็จะนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ไม่ได้ พร้อมย้ำว่า ไม่ต้องกังวล เพราะนี่คือเหตุผลที่เสนอรายชื่อไปเกิน 36 รายชื่อ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายวรภัค ธันยาวงษ์ ที่มีชื่อเป็นว่าที่รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหา จะถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า อยู่ที่การตรวจสอบ เราส่งรายชื่อทุกคนไปให้ เลขาฯ ครม.ตรวจสอบ เราต้องเชื่อการตรวจสอบ จะไปด่วนสรุปก่อนหรือไปเชื่อหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“พล.อ.ณัฐพล” แถลงผลประชุม GBC สมัยพิเศษ

เกาะกง 10 ก.ย. – “พล.อ.ณัฐพล” แถลงผลหารือ GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง มุ่งแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนี้จะมีการดำเนินการถอนอาวุธหนักภายใน 4 สัปดาห์ โดยให้คณะกรรมการไอโอที ร่วมสังเกตการณ์ด้วย และเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 1 สัปดาห์ ต้องแล้วเสร็จใน 1 เดือน ซึ่งเป็นการตกลงกันระหว่างไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” จ่อเข้าเยี่ยม “ทักษิณ” ยกเป็นวีรบุรุษ ปชต.

มหาดไทย 10 ก.ย.- “ภูมิธรรม” เผยเตรียมไปเยี่ยม “ทักษิณ” มองไม่ได้ทำผิดมาตั้งแต่ต้น เป็นเพราะอำนาจจัดการจนเป็นรัฐบาลนอกระบบ รับเห็นภาพนายใหญ่ในชุดนักโทษ แล้วสะเทือนใจ ยกเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย คนหนึ่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกจำคุกในเรือนจำคลองเปรม ซึ่งจากนี้จะมีกรอบเวลาให้เข้าเยี่ยมได้ มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าใครจะเข้าไปเยี่ยมบ้าง ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ความรู้สึกส่วนตัว ตนต้องไปเยี่ยมนายทักษิณแน่นอน เพราะตนไม่ได้รู้สึกว่าท่านได้ทำอะไรผิดมาตั้งแต่ต้นทาง ตลอดจนถึงปัจจุบัน ถูกกระทำโดยอำนาจการจัดการ ในการเข้าสู่การเป็นรัฐบาลนอกระบบ เพราะฉะนั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่ตั้งขึ้นมา รอวันพิสูจน์ ซึ่งในสายตาตนนายทักษิณเป็นนักสู้คนหนึ่ง และเมื่อวานเห็นภาพนายทักษิณ สวมชุดคอกลมสีฟ้า และดูเหมือนจะกล้อนผมด้วยก็สะเทือนใจ ตนคิดว่าท่านพิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าจะหนีไปเลยก็ไปได้ เพราะอยู่นอกประเทศอยู่แล้ว และก็อยู่เมืองนอกไม่ได้ลำบาก ซึ่งการที่ตัดสินใจกลับมา ถือว่าเป็นคนที่รับผิดชอบต่อตัวท่านเอง และประชาชนที่เคารพนับถือท่าน ในสายตาตนนายทักษิณเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยคนหนึ่ง เมื่อถามว่า เรื่องนายทักษิณจะกระทบกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะการที่นายทักษิณยอมรับโทษนั้นอาจจะมีทั้งกระแสเห็นใจและตีกลับหรือชื่นชมว่าได้ทำตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นความรู้สึกต่างๆของผู้คน จะรู้สึกอย่างไรก็เป็นไปตามความรู้สึกของคนเหล่านั้น แต่ตนเชื่อว่าคนที่เห็นใจและเข้าใจมีเยอะอยู่ และเรื่องพรรคเพื่อไทยไม่ต้องกังวล เราก็จะอยู่ […]

“3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ รายงานตัวต่อสภาแล้ว

รัฐสภา 10 ก.ย.- “3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ “ทิพานัน-พล.ต.อ.อัศวิน-รุ่งเรือง” รายงานตัวต่อสภาแล้ว พร้อมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประเทศ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามประกาศสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายสุชาติ สิ้นสุดลง จึงประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ เลื่อนขึ้นมาเป็น สส. แทน โดย น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การเป็น สส. คือผู้แทนของประชาชน วันนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ได้เป็นตัวแทนในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งการมีกฎหมายที่ถูกต้องชัดเจนเป็นเรื่องที่ดี และจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้มีกฎหมายที่ต้องอยากขับเคลื่อนโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องอากาศที่มีผลกระทบกับคนไทย นอกจากนี้ยังมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายธนกร […]

จับตา! ประชุม GBC “ไทย-กัมพูชา” ที่เกาะกง

10 ก.ย.- “ไทย-กัมพูชา” เปิดโต๊ะเจรจา GBC สมัยพิเศษ ที่จังหวัดเกาะกง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะผู้แทนระดับสูง ร่วมหารือสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง ลดความตึงเครียด และเดินหน้ามาตรการสร้างสันติสุขชายแดน พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่รัฐมนตรีกลาโหม นำคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี คณะผู้แทนประกอบด้วย พลเอก ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พลอากาศเอก นนทรี อินทรสาลี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านกิจการความมั่นคงภายใน, นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พลเอก กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม, พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก, พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และพลอากาศเอก วชิระพล […]