เริ่ม 1 มี.ค.!! ทำใบขับขี่ต้องใช้ใบรับรองมาตรฐานแพทยสภา

กรุงเทพฯ  14 ก.พ. – กรมการขนส่งทางบกระบุตั้งแต่ 1 มี.ค.61 ยื่นคำขอรับใบอนุญาตขับรถหรือใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ ต้องใช้ใบรับรองแพทย์มาตรฐานแพทยสภา


นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ประกอบการยื่นคำขอดำเนินการ เพื่อแสดงว่าผู้ขอไม่มีโรคประจำตัวอันอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ โดยต้องเป็นใบรับรองแพทย์ตามแบบมาตรฐานที่แพทยสภารับรอง (2551) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศเท่านั้น เพื่อให้การตรวจสอบลักษณะต้องห้ามในการขอรับใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับรายละเอียดใบรับรองแพทย์ตามแบบที่แพทยสภารับรอง แบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ส่วนของผู้ขอรับใบรับรองแพทย์รับรองตนเอง ประวัติโรคประจำตัว ประวัติอุบัติเหตุและการเข้ารับการผ่าตัดที่สำคัญ โดยผู้ขอรับใบรับรองแพทย์ต้องลงลายมือชื่อในใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าการให้ข้อมูลดังกล่าวของตนถูกต้องตามความเป็นจริง คู่ขนานกับการตรวจรับรอง  ส่วนที่ 2 ส่วนของแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและรับรองผู้ขอรับใบรับรองแพทย์ว่าไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไม่ปรากฏอาการของโรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน หรือปัญญาอ่อน ไม่ปรากฏอาการของการติดยาเสพติดให้โทษ ไม่ปรากฏอาการของโรคพิษสุราเรื้อรัง และไม่ปรากฏอาการและอาการแสดงของโรคเรื้อนระยะติดต่อหรือในระยะปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม วัณโรคในระยะอันตราย โรคเท้าช้างในระยะปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม โดยแพทย์จะสรุปความเห็นและข้อแนะนำของแพทย์เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้ขอรับใบรับรองแพทย์เป็นผู้มีร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ 


อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับใบรับรองแพทย์ตามแบบที่แพทยสภารับรองดังกล่าว(2551) สถานพยาบาลส่วนใหญ่ใช้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนสถานพยาบาลที่ยังใช้แบบฟอร์มเดิม ทางแพทยสภาได้ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่แบบฟอร์มดังกล่าวบนเว็บไซต์ โดยสามารถดาวน์โหลดตัวอย่างได้ที่เว็บไซต์แพทยสภา http://tmc.or.th/detail_news.php?news_id=1029  ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถหรือใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถควรแจ้งวัตถุประสงค์ในการขอรับใบรับรองแพทย์ให้ชัดเจน เพื่อให้แพทย์ออกใบรับรองแพทย์ให้ถูกต้องตรงกับวัตถุประสงค์การนำไปใช้และเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ  ในการกระบวนการคัดกรองผู้ขับรถและมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ทั้งนี้ สำหรับโรคประจำตัวบางกลุ่ม แม้ตามกฎหมายจะยังไม่กำหนดให้เป็นโรคต้องห้ามที่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถ แต่กรณีผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถไปแล้วอาการของโรคกำเริบ ขณะขับรถจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง กรมการขนส่งทางบกอาจพิจารณา เพิกถอนใบอนุญาตขับรถได้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนรวม และป้องกันอุบัติเหตุ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง