ราชทัณฑ์ “ ไล่ออก ให้ออก ปลดออก”ขรก.18ราย ลงโทษวินัยไม่ร้ายแรง 193ราย

รมราชทัณฑ์ 8 ก.พ.- อธิบดีราชทัณฑ์ฟันวินัยจนท.18 ราย ไล่ออก 14 ราย หลังเรียกรับเงิน-ลักลอบขายยาทรามาดอลให้นักโทษ-ปลดออก 1 รายเป็นชู้กับเมียคนอื่น ส่วน 193 รายวินัยไม่ร้ายแรงสังตัดเงินเดือน-ภาคทัณฑ์และกักบริเวณ


พ.ต.อ.ณรัชต์  เศวตนันทน์    อธิบดีกรมราชทัณฑ์  เปิดเผยภายหลังประชุมอ.ก.พ.กรมราชทัณฑ์ ครั้งที่ 1/2561 ว่า กรมราชทัณฑ์ได้มีมติลงโทษข้าราชการกรณีกระทำผิดวินัย 18  ราย และไล่ออกจากราชการ จำนวน 14 ราย เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีพฤติการณ์กระทำความผิดในลักษณะต่างๆดังนี้  เรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องขัง เพื่อให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ต้องขังคณะทำงานภายนอกเรือนจำจำนวน 1 ราย นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ  1 ราย ใช้อำนาจหน้าที่ราชการในการเรียกรับเก็บเงินจากผู้ว่าจ้างแรงงานผู้ต้องขังเย็บรองเท้านอกเหนือจากที่ได้ทำสัญญากับเรือนจำจำนวน 1 ราย  รู้เห็นเป็นใจปล่อยปละละเลยให้ผู้ต้องขังมีและใช้โทรศัพท์มือถือในเรือนจำ จำนวน 3 รายลักลอบนำยาทรามาดอล ซึ่งรับประทานแล้วมีอาการมึนเมาจำนวน 1,993 เม็ด เข้ามาให้ผู้ต้องขังภายในเรือนจำ จำนวน 1 ราย  ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการติดต่อกันเกิน 15 วัน จำนวน 3 ราย ร่วมกันข่มขืนใจและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น 1 ราย  เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือพร้อมอุปกรณ์เข้าไปในเรือนจำโดยผิดกฎหมาย  มีผู้คุม 1 รายที่ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม  และล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พย. 59 ชุดปฏิบัติการกรมราชทัณฑ์ จู่โจมตรวจค้นเรือนจำพบโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง  ซิมการ์ดและอุปกรณ์ชาร์จอีกจำนวนหนึ่ง 1 ราย 

นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติปลดออกจากราชการ จำนวน 1 ราย  หลังพบว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาวกับภรรยาของผู้อื่น  


ส่วนอีก 3 รายถูกให้ออกเพราะมีมลทินมัวหมอง เนื่องจากมีพฤติกรรม ซุกซ่อนแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อก่อนเข้าเรือนจำ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยสนทนากันทางอินเทอร์เน็ตกับบุคคลภายนอกว่าสามารถจัดหายาบ้าและยาไอซ์ให้ได้  และ เมื่อ 26 พ.ค.59ชุดปฏิบัติการกรมราชทัณฑ์จู่โจมตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือและสิ่งของต้องห้ามหลายรายการในเรือนจำ   

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ยังได้พิจารณาดำเนินการทางวินัยข้าราชการไม่ร้ายแรงตามพระราชบัญญัติข้าราชการกรมราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2482 และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนำ พ.ศ.2551 อีกจำนวน 193 ราย ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีคำสั่งลงโทษข้าราชการดังกล่าวแล้วตามประเภทความโทษ ได้แก่ ลดเงินเดือน8 ราย  ตัดเงินเดือน 36 ราย  ภาคทัณฑ์ 8 ราย เพิ่มเวรยาม 73 ราย กักบริเวณ 2 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 14 ราย และกำชับ  52 ราย                 

อธิบดีกรมราชทัณฑ์  กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้วางแนวทางการดำเนินการตามนโยบายอย่างชัดเจนในเรื่องของการปฏิบัติงานตามแนวทาง 3 ส 7 ก ซึ่งทิศทางของ 3 ส ในการปฏิบัติงาน ได้แก่ สะอาด สุจริต และเสมอภาค  โดยเน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่ยังมีข้าราชการส่วนน้อยที่มีพฤติการณ์กระทำผิด และกรมราชทัณฑ์ มิได้นิ่งเฉยต่อการกระทำของบุคคลเหล่านั้นแต่อย่างใด ซึ่งในแต่ละปีกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการพิจารณาลงโทษข้าราชการที่กระทำผิด เพื่อมิให้เป็นแบบอย่างกับข้าราชการอื่นๆ ตลอดจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมภายนอกในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่กรมราชทัณฑ์


ทั้งนี้เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2560 กรมฯได้มีมติไล่ออกและให้ออกข้าราชการไปแล้วจำนวน 14 ราย ทุจริตต่อหน้าที่ หลังพบเก็บส่วยบ่อน ยาเสพติดและรู้เห็นเป็นใจให้นักโทษชายข้ามแดนไปมีเพศสัมพันธ์กับนักโทษหญิง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว