กรุงเทพฯ 8 ก.พ.- รองโฆษก ตร.เผยชนวนเหตุ รองสารวัตร ตำรวจรถไฟอุดรธานี ยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิต เกิดจากความไม่พอใจเรื่องส่วนตัว ผบ.ตร.ลั่นดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีตำรวจรถไฟ จังหวัดอุดรธานี ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิต 2 รายวานนี้(7 ก.พ.)ว่า เวลาประมาณ 18.00 น. ร.ต.อ.สมสดี สุทธิประภา รอง สว.ตร.รถไฟ อุดรธานี , ร.ต.อ.สมชาย สียาดา รอง สว.ตร.รถไฟ อุดรธานี , ร.ต.ท.ชาญชัย ภาคอนทรีย์ อดีตตำรวจรถไฟ อุดรธานี และ นายสัญญา พันสุภา ลูกจ้างตำแหน่งนักการ ประจำสถานีตำรวจรถไฟอุดรธานี ร่วมวงดื่มสุราอยู่บริเวณห้องครัวหลังบ้านเลขที่ 307 หมู่9 หนองเหล็ก ซอย 3 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จว.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของ ร.ต.ท.ชาญชัยฯ จากนั้น ร.ต.อ.สมสดีฯ ได้แยกตัวเดินกลับไปที่พัก ส่วน ร.ต.อ.สมชายฯ และ นายสัญญาฯ กำลังเดินอยู่ข้างบ้านพัก เวลาต่อมา ร.ต.อ.สมสดีฯ ได้กลับมาพร้อมอาวุธปืนแล้วใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.อ.สมชายฯ สองนัด ถูกบริเวณซี่โครงใต้ราวนม และบริเวณหัวไหล่ ขณะเดียวนั้น ร.ต.ท.ชาญชัยฯ ได้เดินออกมายังบริเวณที่เกิดเหตุ ถูก ร.ต.อ.สมสดีฯ ยิงที่บริเวณหน้าอก 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งโรงพยาบาลอุดรธานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
พ.ต.อ.กฤษณะ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้ร่วมกับแพทย์ชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตายอีกทั้งร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสถานที่เกิดเหตุจากการสันนิษฐานสาเหตุที่เกิดครั้งนี้เบื้องต้นน่าเชื่อว่าเกิดจากความไม่พอใจกันแต่ยังไม่ทราบว่าจากเรื่องใด โดยพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดอีกครั้ง สำหรับความความผิดของที่ผู้ก่อเหตุนั้น มีความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พ.ต.อ.กฤษณะ เปิดเผยว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กำชับเน้นย้ำข้าราชการตำรวจทุกนาย ในการพกพาและใช้อาวุธปืน ในเวลาราชการและนอกเวลาราชการโดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ มาโดยตลอด ซึ่งการกระทำที่จะสามารถพกพาหรือใช้อาวุธปืนได้ต้องอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ในเขตอำนาจที่ตนรับผิดชอบ หรือได้รับอนุญาตเท่านั้น ประกอบกับที่ผ่านมามีข้อสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาหมั่นสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด สม่ำเสมอ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวมูลเหตุน่าจะเกิดจากเรื่องส่วนตัวเพราะช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นห้วงระยะเวลาพักผ่อนนอกเวลาราชการ อย่างไรก็ตามก็จะต้องมีการสอบสอนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน โดยจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด.-สำนักข่าวไทย