กรุงเทพฯ 1 ก.พ.- อัยการ ชี้ขอเวลาทำคดีหวย 30 ล้านบาท ลั่นทำตามพยานหลักฐาน ไม่ได้ทำตามความรู้สึก หรือกระแสโซเชี่ยล
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงขั้นตอนการปฎิบัติในคดีลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 30 ล้านบาท ระหว่างนายปรีชาใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี อ้างว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หมายเลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.2560 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ แต่ไม่ได้ขึ้นเงิน เพราะลอตเตอรี่หาย ต่อมามี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตตำรวจเป็นผู้ไปขึ้นเงินรางวัล ทำให้ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดีและอายัดเงินรางวัลและล่าสุดวานนี้(31 ม.ค.)ตำรวจสรุปสำนวนคดี โดยระบุว่าครูปรีชา เป็นเจ้าของลอตเตอรี่ ผลสอบพบมีแม่ค้าขายให้จริง ส่วน ร.ต.ท.จรูญ พยานระบุเห็นเก็บลอตเตอรี่ ตำรวจออกหมายเรียกข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจรนั้น ว่า ขั้นตอนหลังพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนการสืบสวนมาให้ ทางพนักงานอัยการ ก็จะเริ่มขั้นตอนการพิจารณาพยานหลักฐาน ที่มีว่าครบถ้วนสมบูรณ์ มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากพอหรือไม่ หรือหากเห็นว่ายังคงไม่ครบถ้วนก็จะให้มีการสั่งสอบหาพยานเพิ่มเติมในบางประเด็น ก่อนมีคำสั่งว่าสมควรฟ้องหรือไม่
นายโกศลวัฒน์ กล่าวต่อว่า ยืนยันการทำคดีทุกคดีจะพิจารณาด้วยพยาน หลักฐาน ไม่ทำตามกระแสสังคมหรือกระแสโซเชี่ยล การทำงานยึดหลักไม่ฟ้อง ผู้บริสุทธิ์ จึงอยากขอให้สังคม และคนที่ติดตามคดีนี้ใจเย็นขอเวลาให้อัยการทำหน้าที่อย่างละเอียด รอบคอบแต่เชื่อว่าจะไม่ช้าเพราะเป็นคดีที่ผู้คนให้ความสนใจ ถ้าตำรวจทำสำนวนมาครบถ้วนก็จะดำเนินการได้โดยเร็ว แต่โดยมากคดีในลักษณะนี้ก็มักจะมีผู้มาร้องขอความเป็นธรรม ต้องมาดูว่าหากมีผู้ร้องจะร้องไนประเด็นใด มีการสอบสวนในขั้นตอนทำสำนวนหรือไม่แต่เชื่อว่าภายใน 1-2 เดือนหลังจากนี้คงจะทราบว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
ส่วนความผิดจะเป็นการ ยักยอกทรัพย์ หรือลักทรัพย์ ตอนนี้คงไม่ขอพูดถึง ต้องรอดูสำนวนก่อนว่าทางตำรวจสรุปมาว่าอย่างไร
ส่วนกรณีหากในอนาคตมีการตัดสินถึงที่สุดแล้วคำตัดสินออกมาสวนทางกับที่ตำรวจได้สรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการ จะถือว่าตำรวจมีความผิดหรือไม่นั้น นายโกศลวัฒน์ กล่าาว่า เรื่องไม่แน่เสมอไปว่า ตำรวจจะเป็นฝ่ายผิด และต้องรับการลงโทษ ต้องย้อนกลับไปดูขั้นตอนการทำงานว่าถูกต้อง สมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่ ถ้าทำอย่างครบถ้วนก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรือมีความผิด แต่หากพิจารณาดุลยพินิจแล้วมีความผิดปกติ
ซึ่งการตรวจสอบสามารถทำได้ผ่านสำนวนคดีก็จะสามารถย้อนกลับมาเอาผิดพนักงานสอบสวนได้ ซึ่งเมื่อคดีถึงที่สุดประชาชนก็สามารถขอตรวจสอบสำนวนคดีได้ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ได้อีกทาง.-สำนักข่าวไทย