ปตท.สผ.เผยกำไรปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 60

กรุงเทพฯ 26 ม.ค. – ปตท.สผ. กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 รับผลดีราคาน้ำมัน และการบริหารการผลิตและต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพิจารณาจ่ายปันผล 4.25 บาทต่อหุ้น


บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เผยผลประกอบการปี 2560 ด้วยกำไรสุทธิ 594 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 20,579 ล้านบาท) ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 60 จากปีก่อนหน้าถึงแม้จะมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์เนื่องจากการปรับแผนการลงทุน ของโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์จำนวน 558 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยยังรักษาระดับ EBITDA margin ที่ร้อยละ 70 สะท้อนความสำเร็จในการบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายและต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเร่งการพิจารณาตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision หรือ FID) ใน 3 โครงการหลัก รวมถึงการเข้าประมูลสัมปทานที่จะหมดอายุในอ่าวไทยและการเข้าซื้อกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง และการขยายการลงทุนในแปลงสำรวจปิโตรเลียมในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียม และรักษาระดับการผลิต รวมทั้งมีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. เผยว่าปี 2560 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 4,523 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 153,198 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 4,339 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 152,745 ล้านบาท) ในปี 2559 โดยมีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 836 ล้านดอลลาร์ สรอ. เติบโตร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นผลหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันโลกจาก 35.91 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปีก่อนหน้าเป็น 39.20 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ในขณะที่ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ลดลงจาก 30.46 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ มาอยู่ที่ 29.05 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้รับผลกระทบจากความต้องการรับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยลดลง แต่ด้วยความพยายามในการเพิ่มปริมาณการผลิตคอนเด็นเสทและน้ำมันดิบส่งผลให้สามารถรักษาปริมาณการขายตามเป้าหมายที่ 299,206 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดย ณ สิ้นปี 2560 ปตท.สผ. มีสภาพคล่องเทียบเท่าเงินสดจำนวนสูงถึง 4,468 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 146,008 ล้านบาท)


จากผลประกอบการข้างต้น คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 อนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผล สำหรับปี 2560 ที่ 4.25 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้จ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกในอัตรา 1.50 บาทต่อหุ้น ส่วนที่เหลืออีก 2.75 บาทต่อหุ้น จะกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 และจะจ่ายในวันที่ 12 เมษายน 2561 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2561 แล้ว  

“ผลการดำเนินงานในปี 2560 พิสูจน์ให้เห็นว่าภายใต้ความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอุตสาหกรรม ปตท.สผ. มีความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและทำกำไรจากธุรกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดย ปตท.สผ. ยังได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาวด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรให้เห็นภาระหน้าที่ของหน่วยงานที่ชัดเจน ตอบสนองเป้าหมายความยั่งยืนของธุรกิจ เช่น การเพิ่มหน่วยงานธุรกิจใหม่ (New Business Unit) เพื่อมองหาธุรกิจใหม่ๆเข้ามาต่อยอดและการเพิ่มกลุ่มงานบริหารการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและองค์กร (Business and Organization Transformation Group) เพื่อสร้างวัฒนธรรมการปรับตัว ปรับระบบงาน ระบบข้อมูลให้ทันสมัย ทันต่อเวลา โดยนำ Digital Technology มาใช้ทั่วทั้งองค์กร เป็นต้น” นายสมพร กล่าว

นายสมพร กล่าวต่อว่า ปตท.สผ. ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ไว้ที่ 3,103 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 105,510 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure หรือ CAPEX) จำนวน 1,771 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 60,227 ล้านบาท) และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure หรือ OPEX) จำนวน 1,332 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 45,283 ล้านบาท) เพื่อรักษาระดับปริมาณการขายปิโตรเลียมของแหล่งผลิตในปัจจุบันไว้ที่ประมาณ 300,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยจะเน้นการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสทให้มากขึ้น และมีเป้าหมายที่จะคงต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) อยู่ในระดับประมาณ 30 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เพื่อให้แข่งขันได้  


สำหรับแผนงานที่สำคัญของ ปตท.สผ. ในปี 2561 ที่ต้องเร่งทำ เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตในอนาคต คือการพัฒนาโครงการที่สำคัญเพื่อการตัดสินใจขั้นสุดท้าย 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ที่ตั้งเป้าการผลิตในปี 2566 ด้วยกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติ 12 ล้านตันต่อปี ขณะนี้ได้เริ่มการเคลื่อนย้ายชุมชนออกจากพื้นที่ก่อสร้างของโครงการและอยู่ระหว่างการขออนุมัติแผนพัฒนา โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ อยู่ระหว่างรอผลการอนุมัติแผนพัฒนาจากรัฐบาลแอลจีเรียโดยคาดว่าจะได้รับอนุมัติภายในไตรมาส1 ปี 2561 และโครงการเวียดนาม บี และ 48/95 และ 52/97 ซึ่งมีเป้าหมายจะผลิตก๊าซธรรมชาติในปี 2564 ด้วยกำลังการผลิตรวม 490 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

“ในปีนี้ ปตท.สผ. จะร่วมประมูลสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุด้วยอย่างแน่นอน ทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองและปริมาณการผลิตให้กับบริษัท และเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ในขณะเดียวกันเรายังมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักของ ปตท.สผ. ทั้งในประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง รวมถึงการมองหาโอกาสต่อยอดธุรกิจก๊าซธรรมชาติให้ครบวงจรในประเทศที่เรามีความสามารถในการแข่งขันจากการที่เรามีฐานทางธุรกิจมาก่อน” นายสมพร กล่าว

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อพยพด่วน! พนังกั้นน้ำแตกทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ 20 ก.ย. – พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีรายงานว่า พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ฝั่งถนนพิทักษ์ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก รอบที่ 2 กู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล ระดมกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามรถทุกชนิดผ่าน และให้ยกของขึ้นที่สูงโดยด่วน ส่วนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการชลประทาน พร้อมทหาร เร่งวางแบริเออร์ กระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะดงตาล เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้เข้าในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]

“นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่

อ่างทอง 20 ก.ย. – “นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง จังหวัดแรก ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่ ทำงานเต็มที่ หวังประชาชนเลือกกลับเข้ามาอีก พร้อมอวยพรวันเกิด “ภราดร” ครบ 46 ปี เจ้าตัวถึงกับคุกเข่ามอบมาลัยขอบคุณ “อนุทิน“ อ้อนชาวอ่างทอง อสม.แฟนเก่า ขอยืมตัว “ลูกแบด” ไปเป็น รมต. คุมสำนักงบฯ ตามติดตัว 24 ชั่วโมง บอกเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นหาเมีย ขณะครอบครัว “ปริศนานันทกุล” ปลื้ม คนดังการเมืองตบเท้าแน่น “อนุทิน” ประกาศเชียร์คืนความเป็นธรรม อดีตผู้ว่าฯ อ่างทอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้โอกาสก่อนลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม เดินทางมาที่ อบจ.อ่างทอง เพื่อพบปะกับประชาชน และร่วมอวยพรวันเกิดให้กับนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อายุครบ 46 ปี ซึ่งมีครอบครัว ทั้งนายสมศักดิ์ […]

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]