กทม.24 ม.ค.- อัยการแถลงสั่งฟ้อง แกนนำ กปปส.กับพวกหลายข้อหา พร้อมแจกแจงรายละเอียดผู้ต้องหาในแต่ละกลุ่ม ส่วนที่ขอเลื่อน 34 คน พิจารณาเป็นกรณี หากเหตุผลฟังไม่ขึ้น จะขอศาลออกหมายจับ
นายประยุทธ เพชรคุณ รองอัยการสูงสุด และนายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ รองอธิบดีสำนักงานอัยการพิเศษ แถลงว่า ช่วงเช้าวันนี้(24 ม.ค.) สำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 9 คน ประกอบด้วยด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย,นายชุมพล จุลใส, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายอิสสระ สมชัย, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายถาวร เสนเนียม, นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตแกนนำ กปปส. 7 ข้อหา อาทิ ร่วมกันเป็นกบฏ,กระทำให้ปรากฏ อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, บุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปหรือในเวลากลางคืนและร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้หรือขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งมีเพียง 2 คนที่ถูกแจ้งเพิ่มอีก 1 ข้อหาคือก่อการร้ายเพิ่ม คือนายสุเทพและนายชุมพล ในคดีชัตดาวน์กรุงเทพฯเพื่อขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระหว่าง 2556- 2557
นายประยุทธ กล่าวว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำสำนวนพร้อมส่งผู้ต้องหาจำนวน 58 คน ต่ออัยการสูงสุดเมื่อ 1 พ.ค.57 โดยมี 1 ในผู้ต้องหา ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้เหลือผู้ต้องหา 57 คน ในจำนวน 57 คนมีผู้ต้องหาอีก 3 คนที่ดีเอสไอ ยังทำสำนวนไม่เสร็จ และมีอีก 4 คน ที่ส่งฟ้องไปก่อนหน้านี้ รวมถึงมีผู้ต้องหา 7 คน ที่อัยการพิจารณาแล้วข้อหาไม่เกี่ยวข้องกับคดีหลัก จึงมีการแยกฟ้องต่างหาก วันนี้(24 ม.ค.)อัยการส่งฟ้องผู้ต้องหา 9 คน ทำให้เหลือผู้ต้องหา 34 คนที่ยังอยู่ระหว่างการขอเลื่อนไม่มาฟังคำสั่ง
ด้านนายชาติพงษ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหา 34คนที่ ส่งทนายความยื่นหนังสือขอเลื่อนนัดฟังคำสั่ง ซึ่งคณะทำงานของอัยการสูงสุด จะพิจารณาเหตุผลเป็นรายบุคคล ว่าสมควรให้มีการเลื่อนฟังคำสั่งหรือไม่ หากพิจารณาแล้ว มีเหตุผลไม่สมควร จะพิจารณาออกหมายจับต่อไป โดยไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการขอเลื่อนของผู้ต้องหาที่เหลือ แต่จะพิจารณาตามเหตุผลเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย
