กลุ่ม ปตท.เดินหน้าเตรียมขยายลงทุน พร้อมร่วมมือ กฟผ. สร้างความมั่นคงแก่ประเทศ

กรุงเทพฯ 18 ม.ค. – กลุ่ม ปตท.เดินหน้าเตรียมขยายลงทุนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมร่วมมือกับ กฟผ. สร้างความมั่นคงแก่ประเทศ ชี้เงินบาทแข็งไม่กระทบ เพราะการค้าขายส่วนใหญ่เป็นดอลลาร์ฯ


ในงานผู้บริหารพบสื่อมวลชนของกลุ่ม ปตท. ประจำปี 2561 ซึ่งมีทั้ง ปตท. บมจ.ไออาร์พีซี, บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.), บมจ.จีพีเอสซี, บมจ.ไทยออยล์ และ บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล (พีทีทีจีซี ) ทุกรายพร้อมเดินหน้าตามแผน PTT 3D ต่อเนื่อง โดยในส่วนแผนปรับปรุงประสิทธิภาพโดยในส่วนของ ปตท.ปี 2560 ช่วยเพิ่มกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีหรืออีบิทเฉพาะ ปตท.ได้ถึงเกือบ 3,000 ล้านบาท และเร่งตัดสินใจการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น ไออาร์พีซี มีโครงการใหม่ คือ MARSเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ รวม 1.3 ล้านตัน/ปี ได้แก่ สารพาราไซลีน 1 ล้านตัน/ปี และเบนซีน 300,000 ตัน/ปี มูลค่าลงทุน 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะศึกษาการลงทุนชัดเจนปีนี้หากตัดสินใจชัดเจนโรงงานจะสร้างเสร็จอีก 5 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับไทยออยล์ พีทีทีจีซี จะขยายการลงทุนสนองตอบต่อโครงการระเบียงเศรษฐกิจหรืออีอีซีของรัฐบาล และทุกรายต่างหาช่องทางขยายงานในต่างประเทศ


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช  ซีอีโอ ปตท. กล่าวถึงราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ขณะนี้ใกล้เคียง 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ว่า คงเป็นสถานการณ์ชั่วคราวและจากสหรัฐที่พร้อมเพิ่มกำลังผลิต ทาง ปตท.จึงยังไม่เปลี่ยนคาดการณ์เฉลี่ยราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้ที่ 55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และ ปตท.ยังพร้อมร่วมลงทุนกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มาป้อนโรงไฟฟ้าในไทย หรือร่วมทุนสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน 

“เงินบาทแข็งค่า กลุ่ม ปตท.ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เพราะการค้าขายเป็นดอลลาร์ราคาขึ้นลงตามน้ำมันถือว่าเป็นการประกันความเสี่ยงทางธรรมชาติ (Natural Hedge)” ซีอีโอ ปตท. กล่าว

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า ปริมาณขายปิโตรเลียมและต้นทุนการผลิตปี 2561 คาดจะใกล้เคียงปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 300,000 บาร์เรล/วัน และต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) อยู่ที่ 29-30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล  ดังนั้น หากราคาน้ำมันสูงมากขึ้นก็เป็นผลดีต่อรายได้ของบริษัท แผนงานในปีนี้จะยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก ทั้งในไทย เมียนมาร์ มาเลเซีย และอาจจะขยายไปยังตะวันออกลางที่มองว่ามีอัตราการเติบโตของการผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าประมูลสัมปทานในมาเลเซีย และทำดีลซื้อกิจการ (M&A) ซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติม คาดจะรู้ผลใน 2 เดือนนี้ และให้ความสำคัญกับเรื่องการประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณเป็นเรื่องหลัก รวมถึงขยายการลงทุนในแปลงปิโตรเลียมที่มีศักยภาพด้วย 


นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ไออาร์พีซี คาดกำไรสุทธิปี 2560 จะดีกว่าปี 2559 และดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยโครงการ EVEREST เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรทุกด้านนั้นสามารถสร้างอีบิทปีนี้ได้ตามเป้าที่ 7,000 ล้านบาท และปีหน้าคาดว่าจะสร้างอีบิทได้ 10,000 ล้านบาท รวมถึงทุกโครงการที่ลงทุนปีนี้เสร็จทั้งหมด ทั้งโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (UHV) ของโรงกลั่นและการขยายกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีน (PP) อีก 300,000 ตัน/ปี และโรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีน เพาเวอร์ ขนาด 240 เมกะวัตต์ แล้วเสร็จ ประกอบกับไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน เชื่อว่าจะผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2561 ดีกว่าปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงการ EVEREST คงจะไม่สามารถผลักดันให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (อีบิทด้า) ได้ตามเป้าหมาย 29,000 ล้านบาทในปี 2563 ทำให้บริษัทต้องหาโครงการใหม่ เพื่อได้อีบิทด้าได้ตามเป้าหมาย ด้วยโครงการ GDP ซึ่งแบ่งเป็น 1. Power of Growth ซึ่งจะดำเนินการภายใต้โครงการ MARS โดยเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ รวม 1.3 ล้านตัน/ปี ได้แก่ สารพาราไซลีน 1 ล้านตัน/ปี และเบนซีน 300,000 ตัน/ปี มูลค่าลงทุน 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเร่งศึกษาหากตัดสินใจลงทุนจะใช้เวลา 5 ปีจะก่อสร้างโรงงานเสร็จ  2.Power of Digital ซึ่งเป็นการลงทุนในโครงการ IRPC 4.0 และ 3. Power of People ซึ่งเป็นการสร้างบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี (ปี 2561-2565) ที่ระดับกว่า 10,000 ล้านบาท โดยยังไม่นับรวมโครงการ MARS และงบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีกระแสเงินสดในช่วง 5 ปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีศักยภาพที่จะมองการลงทุนใหม่ ๆ ด้วยการทำ M&A เป็นครั้งแรก และล่าสุดได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกเข้ามาดูโครงการต่าง ๆ โดยคาดว่าน่าจะเห็นเป้าหมายใน 1 เดือนนี้ 

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไทยออยล์ คาดว่าผลประกอบการปี 2560 จะอยู่ในระดับที่ดี หลังอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่ระดับร้อยละ 112 ขณะที่มาร์จิ้นธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ดีและต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำตามทิศทางราคาน้ำมันที่ต่ำ ตลอดจนมีโครงการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ส่วนปี 2561-2562 วางแผนจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท สำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้วในเรื่องระบบสาธารณูปโภค ส่วนโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (Clean fuel Project:CFP) มูลค่าไม่เกิน 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันและเพิ่มกำลังการกลั่นเป็น 400,000 บาร์เรล/วัน จากระดับ 275,000 บาร์เรล/วัน คาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในไตรมาส 3/2561

นายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (จีพีเอสซี) กล่าวว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนตามแผน 5 ปี (ปี 2561-2565)  ที่ 28,600 ล้านบาท สำหรับการขยายการลงทุนในโครงกการเดิมและโครงการใหม่ ซึ่งการลงทุนภายในประเทศจะเน้นขยายการลงทุนตามกลุ่มบมจ.ปตท.  (พีทีที) รวมถึงการลงทุนระบบกักเก็บพลังงาน (energy stroage) ซึ่งคาดว่าจะสร้างโรงงานในปีนี้และจะเดินเครื่องปี 2562 นอกจากนั้นจะเป็นการลงทุนในต่างประเทศทั้งรูปแบบลงทุนใหม่และซื้อกิจการ ขณะที่ผลประกอบการปี 2560 คาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย ส่วนปี 2561คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นหลังจะรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้ลงทุนแล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2561

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์. ซีอีโอพีทีทีจีซี กล่าวว่า งบลงทุน 5 ปี (2561-2565) อยู่ที่ประมาณ 180,000 ล้านบาท โดยยังเดินหน้าแผนลงทุนในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่อง โดยโครงการพลาสติกเกรดพิเศษในอีอีซีจะมีการประการร่วมทุนอีก 2 -3 รายในเร็ว ๆ นี้ หลังประกาศไปแล้ว 2-3 ราย และจะขยายตลาดจำหน่วยไปยังกลุ่ม CLMV เพิ่มขึ้น. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]

ทบ.ยันคุมตัว 18 ทหารเขมร ยึดหลักกฎหมายสากล

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบก แถลงโต้กัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติสากล ยืนยันควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกัมพูชายื่นข้อเรียกร้องต่อทางการไทย เพื่อให้ส่งตัวทหารที่ถูกควบคุมตัวไว้กลับประเทศ ขอเรียนว่าฝ่ายกัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติในระบบของสากล ยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล ซึ่งเชื่อว่าประเทศพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ มีความเข้าใจ และไม่ได้มีความกังวลใดๆ อย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง โดยเฉพาะการที่ฝ่ายไทยได้เปิดโอกาสให้องค์กรสากลที่เกี่ยวข้องสามารถประสานขอเข้าเยื่ยมชมได้ตลอดตั้งแต่วันแรกๆ ที่ฝ่ายไทยได้มีการควบคุมตัว   อย่างเช่นเมื่อ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคณะผู้แทนจาก ICRC ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ด้านการคุ้มครอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เจ้าหน้าที่โครงการของ ICRC และล่าม รวม 4 คน เพิ่งมาเยื่ยมชมไป จึงขอยืนยันว่าการควบคุมทหารกัมพูชาทั้ง 18 คนนั้น เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ไม่ใช่การควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายตามที่ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้กล่าวอ้าง ทั้งนี้การถูกควบคุมตัวดังกล่าว จำเป็นต้องคงไว้ จนกว่าสถานะการณ์การหยุดยิงหรือสถานการณ์การสู้รบ จะมีความสมบูรณ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้วเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด จะไม่หวนกลับมาทำการสู้รบกับฝ่ายไทยอีก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางหลักสากล และเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชายังมีเรื่องสำคัญอื่น ที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน […]

ทหารกล้าเล่านาทีระทึก รอดตายจากระเบิดชายแดน

11 ส.ค.- ทหารกล้า เล่าเหตุการณ์ ลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา ร่วงใส่จุดที่กำลังพลอยู่พอดี จนได้รับบาดเจ็บ ทีมข่าวลงพื้นที่อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี บ้านของ สิบโทปรีชา เสือบัว อายุ 24 ปี หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็กหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะประจำการอยู่ในบังเกอร์ ได้ยินเสียงปืนครกจากฝั่งกัมพูชา จึงรีบถอยตัวออกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ลูกน้องหลบเข้าไปด้านในบังเกอร์  แต่จังหวะนั้นกระสุนระเบิดตกใส่ทันทีจนร่างกระเด็นและหมดสติ เหตุระเบิดทำให้สิบโทปรีชา ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาซ้าย ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมเพื่อนทหารอีก 3 นาย สิบโทปรีชา ยังบอกอีกว่า “หากต้องบาดเจ็บอวัยวะส่วนไหน ก็ยอม แต่จะไม่ยอมเสียชาติ” พร้อมเผยว่าได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้ได้รับคำสั่งให้พักรักษาตัวก่อน แต่หากมีความจำเป็น เขาพร้อมกลับไปสู้เพื่อประเทศชาติทันที ทั้งนี้ ตัว สิบโทปรีชา และครอบครัวเชื่อว่า เป็นบารมี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยูร และหนังเสือ วัดพนมเศษเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ […]