จ.แม่ฮ่องสอน 17 ม.ค.-นายกฯ นำคณะลงพื้นที่แม่ฮ่องสอน จังหวัดยากจนอันดับ 1 ของประเทศ ย้ำจะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นใน 5 ปี บนศักยภาพด้านการท่องเที่ยว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายวิษณุ เครืองาม พล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอคม เติมพิทยาไพศิษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายกอบศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการทุกกระทรวงลงพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีอากาศเย็นและหมอกหนา ทำให้นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติและบรรยกาศโดยรอบกับผู้ร่วมคณะ จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังห้องประชุมบุญชู ตรีทอง โรงเรียนห้องสอนศึกษาในพระอุปถัมภ์ ชมการแสดงสุนทรีถิ่นไทยสานสายใยชาติพันธุ์แม่ฮ่องสอน พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากนายสืบศักดิ์ เอี่ยววิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า จ.แม่ฮ่องสอนพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขาอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกกรรม มี 7 กลุ่มชาติพันธุ์ เป็นจังหวัดที่มีประชาชนมาลงทะเบียนคนจน 1 ใน 4 ของจังหวัด มีรายได้เฉลี่ยต่อปีอันดับที่ 73 ของประเทศ และมีครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นสักขีพยานพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนโครงการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลแก่ผู้แทน 4 ตำบล จำนวน 8 ราย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชน แสดงความชื่นชมจ.แม่ฮ่องสอนที่มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ถือเป็นศักยภาพของพื้นที่ และตนมีความผูกพันกับจังหวัดนี้ตั้งแต่รับราชการยศร้อยโทที่มีโอกาสตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชและ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 มาทรงงาน รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธานให้สานงานของทั้งสองพระองค์ต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การมาจ.แม่ฮ่องสอนครั้งนี้ตั้งใจมาทำให้ประชาชนที่นี่มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ผมเข้าใจปัญหาอุปสรรคในพื้นที่ มาเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ไม่ได้มาเพราะหวังเรื่องการเมืองหรือมาสร้างคะแนนความนิยม ไม่ต้องกังวลกับตัวเลขการจัดอันดับ รัฐบาลนี้จะทำให้ที่นี่มีความเจริญตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เพราะที่นี่มีความสมบูรรณ์ทางธรรมชาติ ต้องใช้โอกาส 3 เดือนของการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวเดินหน้าอย่างเต็มที่ เราจะเร่งรัดให้ทุกกระทรวงเข้ามาทำงาน แม้เส้นทางที่มาจะยากลำบากถึง 1,864 โค้ง แต่ก็ต้องมา โดยจะดูเรื่องเส้นทางคมนาคมให้ดีขึ้น แยกระกว่างการสัญจรไป-มากับการท่องเที่ยว เชื่อว่าตามศักยภาพที่มีอยู่จะทำให้แม่ฮ่องสอนดีขึ้นภายใน 5 ปี การแจกโฉนดที่ดินจะช่วยให้ชาวบ้านมีที่ดินทำกินถูกกฎหมาย ไม่ต้องถูกไล่ที่ แต่ขอว่าอย่าบุกรุกป่าเพิ่มอีก รัฐบาลจะยึดแม่ฮ่องสอนเป็นแม่ฮ่องสอนโมเดล เรื่องการทำให้คนอยุ่กับป่าอย่างเป็นสุข
“สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นการเดินหน้าตามนโยบายยุทธศาสตร์ประเทศ ไม่ใช่เรื่องการเมือง และเมื่อมีเลือกตั้งก็หวังว่า การเลือกตั้งจะได้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยไทยนิยม ขอให้ทุกคนทำให้ถูก อย่าเลือกผิด ผมไม่เข้าข้างพรรคใด แต่ขออย่าให้นักการเมืองเอาเรื่องของนโยบายที่เป็นผลประโยชน์มาอ้างเพื่อแลกกับคะแนนเสียง ว่าถ้าเข้ามาได้ก็จะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ทำ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะไม่ว่าพรรคไหนเป็นรัฐบาล ต้องเดินหน้าทำตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ ไม่ใช่พัฒนาแต่พื้นที่ของตัวเอง แต่ต้องดูภาพรวมของประเทศ และบริหารจัดการงบประมาณให้เกิดประสิทธภาพมากที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปที่ศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มแม่น้ำปายตามพระราชดำริ(ท่าโป่งแดง) ต.ผาบ่อง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนายกรัฐมนตรีเคยตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชและ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรงมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจดูแลทุกข์สุขของประชาชน และทรงริเริ่มโครงการต่าง ๆ ที่พัฒนาด้านการเกษตรและสร้างอาชีพให้แก่ชาวเขา การพัฒนาแหล่งน้ำ ซึ่งระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินไปที่จุดต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีเปรยกับผู้ร่วมคณะและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ว่า “คิดถึงความรู้สึกและบรรบยากาศเก่า ๆ”.-สำนักข่าวไทย
