ตาก 12 ม.ค.- “ณิชา”แพะคอลเซ็นเตอร์รายงานตัวกับศาลจังหวัดตากครั้งที่ 1 ลั่นรอเสร็จคดีเมื่อไหร่ฟ้อง 7 ธนาคารแน่ วอนหน่วยงานแก้ไขปัญหาหากทำบัตรใหม่แล้วบัตรเก่าต้องใช้ไม่ได้อีก
กรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกขโมยบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้เปิดบัญชีกับสถาบันการเงิน 7 แห่ง จนต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงเงินผู้เสียหาย
วันนี้น.ส.ณิชา เดินทางมายังศาลจังหวัดตากโดยมีบิดาและน้องชายติดตามมาให้กำลังใจ และได้เข้ารายงานตัวต่อศาลตากในทันที จากนั้นได้เดินทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก พร้อมด้วย นายจิระศักดิ์ สุดสังข์ ทนายความ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมแก่พนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จว.ตาก ประธานในการการสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดิ์ดา สังขนิตย์ รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก เป็นหัวหน้าฝ่ายสอบสวนในคดีนี้
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่าการควบคุมตัวน.ส.ณิชา มารายงานตัวต่อศาลจังหวัดตาก ทุก 6 วัน เป็นครั้งที่ 1 จากทั้งหมด 5 ครั้ง คงเหลือ อีก 4 ครั้ง ซึ่งพนักงานสอบสวน จะต้องเร่งการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ให้แล้วเสร็จในต้นเดือนก.พ. 2561 ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก หลังจากการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จ ก็จะรวบรวมสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาทันที นอกจากนี้ยังได้ออกหมายเรียก นายขวัญ ทองน้อย ชาว จ.ลพบุรี ซึ่งนางการต์สินี ยะเมา เป็นชาวจังหวัดตาก ผู้เสียหาย ได้โอนเงินเข้าบัญชี 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 400,000 บาท และ นายธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ ภูมิลำเนาอยู่ จ.หนองคาย ที่เป็นผู้เสียหาย โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพฯ สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 630,000 บาท ซึ่งบัญชีทั้ง 2 รายชื่อ เป็นกรณีเกี่ยวกันกับ น.ส.ณิชา โดยพนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปแล้วแต่ยังไม่มาพบ และจะออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2
ด้านน.ส.ณิชา กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำเพิ่มเติมนานกว่า 5 ชั่วโมง รู้สึกเบาใจ ได้มอบเอกสาร และรายละเอียดทุกอย่างที่พนักงานสอบสวนต้องการหมดแล้ว รวมทั้งตรวจสอบลายเซ็น และภาพถ่ายของคนร้ายผู้หญิงที่ไปเปิดบัญชีกับธนาคารต่างๆ ถ้าหากทางพนักงานสอบสวนต้องการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกก็ยินดี อย่างไรก็ตามต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไข ในส่วนที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ อย่างเช่นกรณีการยกเลิกบัตรประจำตัวประชาชนบัตรเก่า แล้วทำบัตรใหม่ บัตรเก่าต้องไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก พนักงานธนาคารควรต้องมีการตรวจสอบบัตรประชาชนให้ดีก่อน ที่จะอนุญาตให้มีการเปิดบัญชีได้ ถ้าคนร้ายนำไปเปิดบัญชี ความเดือดร้อนก็จะตกอยู่กับประชาชนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ส่วนการฟ้องร้องธนาคารทั้ง 7 แห่งนั้น ฟ้องแน่ ต้องให้การดำเนินคดีของตนเองเสร็จสิ้นเสียก่อน จึงจะให้ทนายความดำเนินการฟ้องต่อไป
พลตำรวจเอกธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่อยากให้ด่วนสรุปว่านางสาวณิชา เป็นผู้บริสุทธิ์หรือเป็นผู้กระทำความผิด ต้องรอการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ก่อนจึงจะสามารถสรุปได้
กรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ธนาคารที่รับเปิดบัญชีประมาทเลินเล่อ และเรียกร้องให้มีการลงโทษ นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรืป.ป.ง.เปิดเผยว่า ทาง ป.ป.ง. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีนางสาวณิชาและธนาคารต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และป.ป.ง.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามธนาคารต่างๆวันนี้(12 ม.ค.) 4 แห่ง และวันจันทร์(15 ม.ค.)อีก 3 แห่ง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารและภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกธนาคารทุกสาขาที่มีการเปิดบัญชีที่เป็นปัญหา หลังจากได้ข้อมูลจะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการตรวจสอบว่า ธนาคารต่างๆประมาทเลินเล่อหรือละเลยเงื่อนไขของ ป.ป.ง.หรือไม่หากพบว่ามีความผิดจะลงโทษปรับ 1,000,000 บาท และโทษปรับรายวัน วันละ 10,000 บาททันที แต่เรื่องดังกล่าวต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับธนาคารต่างๆด้วย โดยช่วงบ่ายวันจันทร์(15 ม.ค.)ที่จะถึงนี้ จะเรียกประชุมธนาคารต่างๆเพื่อกำชับถึงเงื่อนไขและนโยบายของ ป.ป.ง.ในการป้องกันการรับจ้างเปิดบัญชี ทั้งนี้ไม่อยากให้สังคมตัดสินธนาคารต่างๆ ว่าประมาทเลินเล่อหรือมีความผิดเนื่องจากข้อเท็จจริงต่างๆ ยังไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน อาจทำให้ธนาคารต่างๆได้รับความเสียหายได้.-สำนักข่าวไทย