พระราม9/12 ม.ค.-ดีเอสไอสนธิกำลังปกครอง ทหารบุกค้นอาบอบนวดดังย่านพระราม9พบลักลอบค้าประเวณีหญิง มีหญิงถูกบังคับหน่วงเหนี่ยว 80 ราย พร้อมจับคนเชียร์แขก ข้อหาสนับสนุนค้ามนุษย์ คาดปิดถาวร
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่กรมการปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นและหมายจับของศาลอาญา เข้าตรวจค้นสถานอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท หลังสถานบริการดังกล่าวเปิดให้ บริการในช่วงบ่าย โดยเจ้าหน้าที่ได้นำธนบัตรเข้าล่อซื้อบริการทางเพศกับพนักงานของสถานบริการ เมื่อมีการรับเงินจึงนำกำลังทหารและปกครองเข้าปิดล้อมสถานที่ เพื่อตรวจค้นจับกุม
จากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าเก็บหลักฐาน พบว่ามีการลักลอบค้าประเวณีจริง จากนั้นจึงนำตัวหญิงสาว 80 รายไปคัดแยกและสอบปากคำ
ส่วนพนักงานและแขกผู้มาใช้บริการได้จัดแยกให้นั่งเป็นกลุ่มเพื่อรอการสอบปากคำ สำหรับบริเวณตู้กระจกที่สาวบริการนั่งโชว์แขกพบร่องรอยการเข้ามาใช้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารจำนวนหลายโต๊ะตั้งอยู่
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจค้นสามารถจับนายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในคดีค้ามนุษย์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลลูกค้าและเชียร์แขก และพบว่าสถานบริการแห่งนี้ยังมีการค้าบริการทางเพศมีหญิงสาวให้บริการ 80 คน ส่วนใหญ่ไม่มีบัตรประชาชน สันนิษฐานเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งได้ควบคุมตัวและนำตัวไปตรวจคัดแยกเหยื่อที่ดีเอสไอตามกระบวนการ ซึ่งจะต้องมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพและเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมดำเนินการ แยกว่ารายใดอายุไม่ถึง 18ปี เพราะบางรายเคยตรวจสอบพบมีการนำพาสปอร์ตและบัตรประชาชนของบุคคลอื่นมาแสดงเพื่อให้เห็นว่ามีอายุเกิน 18 ปี แต่ในความเป็นจริงยังมีสถานะเป็นผู้เยาว์ ซึ่งอาจจำเป็นต้องตรวจฟันเพื่อพิสูจน์อายุจากมวลกระดูก และแยกแยะสัญชาติ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะมีผู้เยาว์ที่ถูกบังคับค้าประเวณี จำนวนกี่รายจนกว่าจะมีการคัดแยกเหยื่อแล้วเสร็จ
สำหรับสถานบริการแห่งนี้ เป็นสถานบริการที่เปิดถูกต้องตามกฏหมายแต่พบว่า มีการข่มขู่ให้หญิงสาว 80 รายค้าประเวณี มีการบังคับ หน่วงเหนี่ยวกักขัง ซึ่งปีที่แล้วมีหญิงสาวชาวเมียนมา หลายรายถูกหลอกค้าประเวณีที่ประเทศไทยและส่งต่อไปมาเลเซีย ทั้งนี้การขยายผลจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดเมื่อปี 2559 และในวันนี้หากพบว่ามีการกระทำผิดเพิ่มก็จะสอบสวนสรุปสำนวนดำเนิน คดีต่อไป
พร้อมกันนี้จะประสาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบว่ามีการเรียกรับส่วยหรือไม่ และประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขยายผลเกี่ยวกับการฟอกเงินจากการค้ามนุษย์
นายมานะ สิมมา ผู้อำนวยการกองส่วนการสอบสวนคดีอาญา กรมการปกครอง กล่าวว่า ฐานบริการแห่งนี้ถูกล่อซื้อและพบว่ามีความผิดเกี่ยวกับการค้าประเวณีจริง เบื้องต้นจะต้องถูกปิดตามคำสั่งคณะปฏิวัติ และคำสั่งคณะ คสช. ส่วนจะปิดเป็นเวลากี่วันขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)
แต่จากพฤติการณ์เบื้องต้นคาดว่าจะต้องถูกปิดถาวรเหมือนนาตาลี และจะต้องขยายผลเพื่อยึดทรัพย์ที่ได้จากการฟอกเงินด้วย
ทั้งนี้คดีนี้สืบเนื่องมาจากการร้องขอของมูลนิธิพิทักษ์สตรี ให้เข้าช่วยเหลือเหยื่อที่เป็นเด็กหญิงชาวเมียนมา กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงดำเนินการสอบสวนและรับเป็นคดีพิเศษที่ 43/2560 โดยพฤติการณ์ทางคดี เป็นการกระทำความผิดในลักษณะที่มีความเกี่ยวข้องกันระหว่างประเทศไทย เมียนมาและมาเลเซีย มีการนำพาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้ามาค้าประเวณีในประเทศไทย เริ่มจากการนำพาเข้ามาขายบริการในการให้เปิดบริสุทธิ์ ก่อนที่จะนำมาค้าประเวณี ณ สถานอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ซึ่งเข้าลักษณะความผิดฐานค้ามนุษย์ อันเป็นความผิดที่กระทำนอกราชอาณา จักรไทย ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ พร้อมแต่งตั้งพนักงานอัยการร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
ในขั้นตอนของการสัมภาษณ์คัดแยกเหยื่อซึ่งเป็นผู้เสียหาย และการสอบสวนผู้เสียหายซึ่งดำเนินการโดยสหวิชาชีพ ได้ให้รายละเอียดและข้อเท็จจริงว่า ได้ถูกนำมาค้าประเวณีที่สถานที่แห่งนี้ตั้งแต่อายุ 12 ปี ตลอดจนการสืบสวนสอบสวนมีข้อมูลชัดเจนถึงกลุ่มผู้กระทำผิด อันนำไป สู่การขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหารวม 7 ราย โดย 1 ในผู้ต้องหา ปัจจุบันทำงานอยู่ในสถานบริการแห่งนี้ และมีพฤติการณ์ในลักษณะของการเชียร์แขก และสถานบริการแห่งนี้จากการสืบสวนมาก่อนพบว่า มีการลักลอบค้าประเวณี ในการเข้าจับกุมจึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเข้าตรวจค้นและจับกุมในความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539.-สำนักข่าวไทย