ตรัง 11 ม.ค.-รอง ผกก.เมืองตรัง สั่งล่าลุงหื่นชวนสาว ม.5 คุย 18+ ตอนกลางวันแสกๆ ในสวนสาธารณะ แถมยังทิ้งถุงยางใช้แล้วให้ดูต่างหน้า
หลังจากที่มีเฟสบุ๊ก ชื่อ Amonrat Chuaytam ได้โพสต์ ภาพและวีดีโอพร้อมข้อความว่า “ทุเรส!! #แชร์ไป!! เจอกับตัวเอง มานั่งทำการบ้านอยู่ดีๆ มีไอ้เเก่โรคจิตมาจอดรถ ตอนแรกจอดเฉยๆไม่คิดว่ามันจะเดินมา พอเดินมามันก็มานั่งถึงมันก็แหลงเรื่อง18+ตามคลิปเลย มันพูดว่าหลานตัวเองมีความต้องการลุงควรจะทำไงดี ตอนนั้นรู้สึกแปลกๆแล้วเลยเอาโทรศัพท์มาถ่าย พอมันรู้ตัวมันก็เลยเดินไปห้องน้ำไม่รู้ไปทำอะไร สักพักมายืนใกล้ๆเราอีก มายืนใกล้ๆรถแล้วทำอะไรไม่รู้เพราะนั่งหันหลัง เราก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วมันก็ขับออกไป พอเราจะกลับบ้านมาที่รถ มันเอาถุงยางที่ใช้แล้วมาใส่ที่แฮนรถ คนโรคจิตสมัยนี้มันเยอะ อย่าคิดว่าวัยรุ่นมันอุบาทว์ได้อย่างเดียวเดียวนี้คนแก่อุบาทว์ก็มีเยอะ”
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ได้พยายามติดต่อกับน้องคนดังกล่าว ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.5 อายุ 17 ปี และอยู่ระหว่างการสอบปลายภาค ทราบแต่เพียงว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นที่สวนสาธารณะสระกะพังสุรินทร์ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากเลิกเรียนแล้ว ได้มานั่งทำการบ้านและเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าวตามคลิป แต่ทางโรงเรียนไม่อยากให้เข้าแจ้งความเพราะกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ประกอบกับเด็กไม่ได้เสียหายและต้องการจะปิดข่าวดังกล่าวด้วย จึงไม่ให้น้องคนดังกล่าวออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า จากที่มีข้อมูลทางเฟสบุ๊กที่มีนักเรียนโพสต์ก็เป็นที่แพร่หลายสังคมได้รับรู้และทางสถานีตำรวจเมืองตรัง ซึ่ง พ.ต.อ.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ ผู้กำกับการสภ.เมืองตรังก็ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงไปสืบสวนข้อเท็จจริงหาข้อมูลในทุกด้านหากว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดในทางอาญาแผ่นดินทางเจ้าพนักงานก็จะดำเนินการดำเนินการร้องโทษกล่าวทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป ส่วนของน้องที่เป็นเยาวชนนั้นขณะนี้ยังไม่เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับ สภ.เมืองตรังว่าได้รับความเสียหายอย่างไรบ้าง ถ้ามีการแจ้งเข้ามาก็จะมีการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และทางด้านผู้หญิงที่ประสบเหตุการณ์ดังกล่าวอยากจากว่าไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวให้มีเพื่อนไปด้วย และหากคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายให้โทรแจ้งทาง 191 อย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย