สมอ.เตรียมคุมเข้มร้านค้าออนไลน์

กรุงเทพฯ 11 ม.ค. – สมอ.ระบุอีก 1 เดือนจะหารือร้านค้าออนไลน์รายใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อให้ช่วยดูแลสินค้าที่จำหน่ายจะต้องได้มาตรฐาน มอก. เริ่มจากสินค้ามาตรฐานบังคับ 106 รายการ


นายณัฐพล รังสิตพล เลขาธิการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า จากกระแสความนิยมสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญ เรื่องดังกล่าวทาง สมอ.มีความเป็นห่วงว่าสินค้าที่ประชาชนได้รับอาจเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยในช่วง 1 เดือนจากนี้ไป สมอ.มีนโยบายที่จะหารือกับผู้ประกอบการค้าร้านออนไลน์ขนาดใหญ่ เพื่อขอความร่วมมือกำกับดูแลสินค้าที่ขายเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะสินค้าที่ประเทศไทย โดย สมอ.กำหนดให้เป็นสินค้าที่ต้องมีมาตรฐานบังคับ 106 รายการ เพราะหากไม่มีมาตรฐานบังคับแล้ว เมื่อประชาชนใช้แล้วอาจกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้ 

สำหรับสินค้ามาตรฐานบังคับ เช่น ของเล่น หัวนมยางสำหรับขวดนม ฟิล์มยืดหุ้มห่ออาหาร เครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิม ภาชนะหุงต้มที่มีรอยประสาน เตารีดไฟฟ้า เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์เกี่ยวข้องที่ใช้กับแหล่งจ่ายไฟฟ้าประธาน สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย และงานทั่วไปที่มีลักษณะคล้ายกัน เฉพาะด้านความปลอดภัย เป็นต้น เพราะสินค้าเหล่านี้หากมีการผลิตที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอาจเป็นอันตรายต่อเด็กหรือด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้ 


นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมและยกมาตรฐานการผลิตสินค้าและบริการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ สมอ.จะออกมาตรฐาน มอก.S ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวที่จะผลิตสินค้าหรือบริการเฉพาะพิเศษ 20 มาตรฐานแรก เพื่อให้ผู้ประกอบการมายื่นขอรับรองจาก สมอ. และคาดว่าจะออกใบรับรองฉบับแรกเดือนมีนาคม โดยตลอดปี 2561 ตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ มายื่นขอรับใบรับรองมาตรฐาน มอก.S รวม 40-50 รายการ สำหรับมาตรฐาน มอก.S 20 มาตรฐานแรกที่จะออก ประกอบด้วย  มาตรฐาน มอก.S สำหรับแชมพู สบู่ก้อน สบู่เหลว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า แป้งน้ำ แป้งฝุ่น ลิปสติก ผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดเหลว ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน ผ้าปูโต๊ะและผ้าใช้บนโต๊ะอาหาร ผ้าคลุมเตียงสำหรับโรงแรม ผ้าห่ม ผ้าขนหนู เสื้อกีฬา เสื้อฮาวายลายดอก เสื้อเชิ้ตที่ระลึก เครื่องเงิน ดอกไม้ประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติและวัสดุแปรรูป   

นายณัฐพล กล่าวว่า การออกมาตรฐาน มอก.S เป็นการดำเนินการตามโครงการระบบมาตรฐานเพื่อการส่งเสริมเอสเอ็มอีภายใต้โครงการ “SME STANDard UP” โดย มอก.S จะเป็นมาตรฐานการผลิตสินค้าและบริการที่เหมาะสมกับตลาดเป้าหมาย เป็นการสร้างระบบการมาตรฐานเฉพาะที่ปรับข้อกำหนดของมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และหรือมาตรฐานระหว่างประเทศ ให้เหมาะสมกับธุรกิจเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และที่สำคัญตรงความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

เลขาธิการ สมอ. ยังแถลงผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีงบ 2561 (ต.ค.-ธ.ค.60) ว่า สมอ.เดินหน้ายกระดับการให้บริการสู่ สมอ.4.0 โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในกระบวนการออกใบอนุญาต (E-license) ภายหลังจากที่ปรับลดขั้นตอนกระบวนการออกใบอนุญาตเหลือเพียง 15 วันทำการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการในการยื่นคำขออนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานได้รวดเร็วขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกใบอนุญาตให้ทำได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยเริ่มให้บริการวันที่ 23 มกราคม 2561  


ด้านการรับรอง มผช.ยุค 4.0 สมอ.ปรับลดระยะเวลารับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจากเดิม 73 วัน ทำการ เหลือเพียง 49 วันทำการ โดยผู้ผลิตชุมชนจะได้รับคำแนะนำด้านการจัดการคุณภาพเบื้องต้น บริการการตรวจประเมินศักยภาพผู้ประกอบการ และความพร้อมของตัวอย่างผลิตภัณฑ์ชุมชน ก่อนยื่นคำขอรับการรับรอง มผช. สมอ.จะเริ่มให้การรับรอง มผช.ตามกระบวนการใหม่ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 แก่ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน และจะขยายการบริการให้การรับรอง มผช. ตามกระบวนการใหม่ โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ที่เป็นหน่วยรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนระดับจังหวัดครบทั้ง 76 จังหวัด ภายในเดือนกันยายน 2561 ซึ่งการรับรอง มผช. 4.0 จะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วทันต่อความต้องการของผู้ผลิตชุมชน 

ภารกิจด้านการตรวจติดตาม สมอ.ได้ดำเนินการตรวจสอบคุมเข้มร้านค้าอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2560 ได้ดำเนินการยึดอายัดผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมูลค่ารวม 660.8603 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ผลิตภัณฑ์เหล็ก มูลค่า 643.0046 ล้านบาท 2.ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า มูลค่า 15.2394 ล้านบาท 3.ผลิตภัณฑ์โภคภัณฑ์ มูลค่า 2.5876 ล้านบาท 4. ผลิตภัณฑ์ยาง มูลค่า 0.0029 ล้านบาท หากพบว่ายังมีผู้ประกอบการและร้านค้ากระทำผิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีและมีบทลงโทษตามฐานความผิด 

ด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมยางพารา สมอ.ผลักดันมาตรฐานเกี่ยวกับยางพาราเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ (ISO) 2 มาตรฐาน ได้แก่ มอก. 2476-2552 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถุงมือยางที่ใช้ในงานบ้าน และ มอก. 2556-2554 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเส้นด้ายยาง เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ ISO 20057 : 2017 Rubber Household Gloves และ ISO 20058 : 2018 General Purpose Rubber Thread ตามลำดับ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ได้ตาม มอก. 2476-2552 และ มอก. 2556-2554 เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งเป็นการช่วยขยายโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ 

นอกจากนี้ สมอ.ได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน โดยมีมาตรฐานที่กำหนดไปแล้ว คือ มอก.14061 เล่ม 1-2559 การจัดการสวนป่าไม้เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เล่ม 1 ข้อกำหนด ประกาศวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ขณะนี้กำลังผลักดันมาตรฐานห่วงโซ่การควบคุมผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ (Chain of Custody, CoC) มอก.2861-2560 อยู่ระหว่างการนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลงนาม ซึ่งการผลักดันให้มีการรับรองในสาขาการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ได้แก่ 1. ผู้ประกอบการสามารถส่งผลิตภัณฑ์จากไม้ไปขายยังประเทศต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีนโยบายในการสนับสนุนให้มีการบริโภคสินค้าที่มีการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (Sustainable resource) 2. สนับสนุนให้มีการปลูกและใช้ไม้เพิ่มขึ้นในประเทศ และเพื่อการส่งออก ทำให้เกษตรกรมีทางเลือกนอกจากการปลูกพืชเกษตรเชิงเดี่ยว ซึ่งมักมีปัญหาราคาตกต่ำ และบุกรุกพื้นที่ป่า 3. ลดการใช้ไม้จากแหล่งที่ผิดกฎหมาย ลดการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ และเพิ่มพื้นที่ในการปลูกต้นไม้ตามนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซต์ที่สามารถนำไปคำนวณเพื่อรายงานการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกของประเทศ 4. ส่งเสริมอาชีพการปลูกไม้ และสร้างวิชาชีพในสาขาการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน 

 เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า สมอ. มีแผนการกำหนดมาตรฐานตามกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ในปี 2561 อีก 157 มาตรฐาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอประกาศ 40 มาตรฐาน และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 117 มาตรฐาน คาดว่าจะเสร็จปี 2561 รวมทั้งดำเนินการผลักดันมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงภาคอุตสาหกรรม มาตรฐานเลขที่ มอก. ๙๙๙๙ เล่ม ๑-๒๕๕๖ เป็นมาตรฐาน ISO ซึ่งผู้แทน สมอ. ได้นำเสนอ มอก. ๙๙๙๙ ในการประชุมสภามาตรฐานแห่งภาคพื้นแปซิฟิก (PASC) ที่ประเทศสิงคโปร์ และประเทศสมาชิก PASC ให้การสนับสนุนการผลักดันมาตรฐานดังกล่าวเป็นมาตรฐานสากลต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]