กทม.11 ม.ค.- มูลนิธิกระจกเงา กระตุ้นสังคมและหน่วยงานรัฐ หลังพบเด็กหนีออกจากบ้าน จากการชักชวนในโลกโชเชียล ตำรวจพร้อมเก็บดีเอ็นเอเด็กพลัดหลงพิสูจน์ความชัดเจน
นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยสถิติปี 2560 ว่า มูลนิธิฯได้รับแจ้งเด็กหาย 422 คน พบปัญหาที่เด็กหนีออกจากบ้านเป็นความสมัครใจของเด็กเอง อายุเฉลี่ย 13-15 ปี เป็นเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กชายถึง 3 เท่า สาเหตุจากความรุนแรงในครอบครัว และถูกชักชวนไปอยู่กับแฟน รวมทั้งถูกโน้มน้าวจากคนรู้จักในโลกออนไลน์ ทั้งนี้ 3 ปีที่ผ่านมา แม้สถิติเด็กหายจะลดลงแต่ยังถือว่าเป็นปัญหารุนแรงเนื่องจาก เด็กหนีออกจากบ้านเกิน 400 คนทุกปี
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในรอบ 4 ปี มีเด็กที่แจ้งหายถูกฆาตกรรม จำนวน 12 คน มี 3 รายที่ไม่สามารถจับผู้กระทำได้ เช่น ในพื้นที่ สน.บางเขน คดี ด.ญ.ชาวกัมพูชา อายุ 7 ขวบ ถูกฆาตกรรม เมื่อเดือนเมษายน 2557 คดีเด็กอายุ 2 ขวบ ถูกพบเป็นโครงกระดูก ที่ จ.นครศรีธรรมราช และเหตุเด็กอายุ 6 ขวบ ถูกฆาตกรรมที่ จ.ภูเก็ต สำหรับวันเด็กที่จะถึง แนะนำผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด อาทิ จดจำการแต่งกายก่อนออกจากบ้าน เขียนชื่อ-ที่อยู่ เบอร์โทรฯติดตัวเด็กไว้ป้องกันเด็กพลัดหลง
ด้าน พ.ต.อ.วาที อัศวุตมางกูร หน.หลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมีฯ รพ.ตร.กล่าวว่า มีเด็กอยู่ในสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศ 1,292 ราย พบว่า การเข้าถึงข้อมูลเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลของเด็กเหล่านี้ทำได้ยาก โดยมีเด็กร้อยละ 10หรือกว่า 100 รายไม่ทราบประวัติพ่อแม่ ผู้ปกครองของเด็ก
ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ผกก.2 กองทะเบียนประวัติอาชญากร กล่าวว่า กระบวนการทำภาพสเก็ตช์เด็กหายของกองทะเบียนฯมีมาตรฐานตามหลักสากล คือ เด็กหายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะทำการสเก็ตช์ภาพเพิ่มอายุทุก 2 ปี ส่วนเด็กหายที่อายุเกิน 18 ปี จะทำการสเก็ตช์ภาพทุก 5 ปี ซึ่งห้วงเวลาดังกล่าวลักษณะใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลง หลักการคือต้องหาข้อมูลลักษณะทางกายภาพ รวมทั้งข้อมูล ภาพถ่าย ครอบครัว ญาติพี่น้อง ยืนยันความใกล้เคียงของใบหน้าทำตามหลักการ โครงหน้า ทรงผม ดวงตา ประเมินว่ามีความหมือนร้อยละ 70 ในห้วงเวลาที่มีความเปลี่ยนแปลง.-สำนักข่าวไทย