แพทย์เตือนอันตราย ทำเลเซอร์เปลี่ยนสีอวัยวะเพศชาย

สำนักข่าวไทย4ม.ค.-อธิบดีกรม สบส.เตือนชายไทยที่คิดทำเลเซอร์เปลี่ยนสีอวัยวะ อาจได้ไม่คุ้มเสีย เสี่ยงอักเสบแพ้ระคายเคือง ติดเชื้อและกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ เอาผิดทั้งโฆษณาเครื่องมือแพทย์และสถานพยาบาล พร้อมเตือนผู้กดแชร์ทางสื่อออนไลน์ อาจผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ



นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยถึงกรณีการเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลเรื่องการทำเลเซอร์อวัยวะเพศชายจากดำเป็นขาว ว่า อยากขอเตือนเพราะอันตรายมากเนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นบริเวณที่ผิวค่อนข้างบอบบางและการทำเลเซอร์จะทำให้ผิวบริเวณนั้น  มีการอักเสบได้ง่ายหรือแห้งและมีโอกาสการแพ้ ระคายเคืองได้ง่าย อีกทั้งโอกาสติดเชื้อง่ายเมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์ และยังใกล้เคียงกับอัณฑะอาจมีผลต่อระบบการสืบพันธุ์ของเพศชายได้ คิดว่าไม่มีประโยชน์ใดๆเลยที่จะไปทำให้อวัยวะเพศบริเวณนั้น เป็นสีขาวและยิ่งน่าเกลียดเพราะจะเป็นด่างๆ ดำๆ แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ ไม่คุ้ม เสียเงิน เจ็บตัว 


นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า อยากเรียนทุกคนอย่าไปเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งการเผยแพร่ดังกล่าวถือเป็นการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย ทั้งการโฆษณาเครื่องมือแพทย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งกรมฯได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการดำเนินการแล้ว และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพื้นที่ลงไปตรวจสอบสถานพยาบาลนั้น แม้จะไม่ได้เป็นผู้โฆษณาเอง แต่คาดว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการโฆษณา จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญอยากฝากไปถึงผู้ที่กดแชร์  ถ้าเกิดอันไหน ผิดกฏหมายและการที่ไปกดแชร์ออกไป  อาจจะผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ ถ้าไม่ถูกต้อง ต้องฝากพวกเรา เรื่องของโซเชียลมีเดียทั้งหลาย การจะแชร์อะไร ต้องระวังให้ดี


ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ รพ.เลอลักษณ์ อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังตรวจสอบแล้วพบว่า รพ. ที่สมาชอกเฟซบุ๊กนำไปโพสต์เป็นสถานที่เดียวกัน จากการพูดคุยกับ น.ส.บันฑิตา วัฒนศิริ ผู้จัดการแผนกผิวพรรณและเลเซอร์ รพ.เลอลักษณ์ เล่าว่า เดิมทีการทำเลเซอร์ตรงจุดปิกาจูนั้นทาง รพ.เลอลักษณ์ ได้ทำให้ลูกค้ามานานแล้ว โดยเริ่มจากลูกค้าประจำที่เข้ามารับการดูแลในเรื่องความสวยความงาม ได้ปรึกษากับคุณหมอว่าอยากให้คุณหมอช่วยเลเซอร์เปลี่ยนสีผิวบริเวณปิกาจูและง่ามขาที่มีสีดำคล้ำให้มีสีผิวที่ขาวขึ้นเพื่อจะได้ใส่กางเกงว่ายน้ำโดยไม่อายใคร ซึ่งเครื่องมือเลเซอร์ของ รพ. เป็นเครื่องมือที่ทันสมัยและมี อย. รับรองในด้านความปลอดภัย ทางคุณหมอก็ได้ทดลองทำดู ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และลูกค้าที่ทำไปแล้วได้ไปต่อกันอีกที จนมีลูกค้าทั้งผู้ชายและสาวประเภทสองแห่มาทำกันตกเดือนละประมาณ 15-20 ราย หลังมีกระแสฮือฮาในเฟซบุ๊กตอนนี้มีลูกค้าทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่โทรเข้ามาจองคิวทำเลเซอร์ปิกาจูเพิ่มประมาณเดือนละ 100 ราย ที่มีการจองไว้ 

ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลเซอร์ปิกาจู ทาง รพ. ได้กำหนดค่าใช้จ่ายไว้การทำแต่ละครั้งอยู่ที่ราคา 4,900 บาท แต่ถ้าทำให้ครบคอสร์ 5 ครั้ง จะคิดแบบเหมาจ่าย 20,000 บาท สำหรับการทำเลเซอร์ปิกาจูนั้นจริงแล้วทางลูกค้าไม่ได้เน้นตรงปิกาจูโดยตรง แต่จะเน้นตรงบริเวณง่ามขาที่ดำคล้ำเสียมากกว่า ตรงปิกาจูไม่สามารถที่จะทำให้ขาวขึ้นได้ จะทำได้เพียงให้สีคล้ายผิวของผู้ทำเท่านั้น 

ด้าน น้องน้ำแข็ง สาวประเภทสอง ที่เพิ่งทำเลเซอร์ไปได้ประมาณอาทิตย์แล้ว วันนี้ได้มาที่ รพ. เพื่อจะทำการเลเซอร์ซ้ำ ได้พูดคุยกับทางผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นสาวประเภทสองที่มีงู เพราะฉะนั้นจำเป็นจะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะถ้าเกิดปิกาจูมีสีดำคล้ำเวลาที่ใส่ชุดสั้นจะเกิดความไม่มั่นใจ นอกจากนี้เธอยังยืนยันว่าการทำเลเซอร์ปิกาจูไม่เจ็บ ไม่ต้องนอนพักฟื้น หลังเลเซอร์แล้วสามารถทำกิจกรรมได้อย่างปกติ

จากกรณีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่ง จ.นนทบุรี เผยแพร่คลิปวิดีโอและรูปภาพขณะการทำเลเซอร์ที่อวัยวะเพศชาย หรือเลเซอร์ปิกาจู เพื่อเปลี่ยนอวัยวะเพศชายที่ดำให้ขาวขึ้น นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า การเผยแพร่ดังกล่าวถือว่าเป็นการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย ประกอบด้วย 1.การโฆษณาเครื่องมือแพทย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่ง สบส.ได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการดำเนินการเอาผิดประเด็นนี้แล้ว และ 2.การโฆษณาสถานพยาบาล ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 เพราะมีการระบุชื่อโรงพยาบาลชัดเจน แม้ผู้ทำการโฆษณาจะไม่ใช่สถานพยาบาลเองก็ตาม แต่มีการยิมยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดโฆษณาแทนตนเอง โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการโฆษณาดังกล่าว ซึ่งตรงนี้ได้ประสานให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ดำเนินการแล้ว เนื่องจากเป็นสถานพยาบาลในพื้นที่ จ.นนทบุรี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]