แพทย์เตือนอันตราย ทำเลเซอร์เปลี่ยนสีอวัยวะเพศชาย

สำนักข่าวไทย4ม.ค.-อธิบดีกรม สบส.เตือนชายไทยที่คิดทำเลเซอร์เปลี่ยนสีอวัยวะ อาจได้ไม่คุ้มเสีย เสี่ยงอักเสบแพ้ระคายเคือง ติดเชื้อและกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ เอาผิดทั้งโฆษณาเครื่องมือแพทย์และสถานพยาบาล พร้อมเตือนผู้กดแชร์ทางสื่อออนไลน์ อาจผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ



นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยถึงกรณีการเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลเรื่องการทำเลเซอร์อวัยวะเพศชายจากดำเป็นขาว ว่า อยากขอเตือนเพราะอันตรายมากเนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นบริเวณที่ผิวค่อนข้างบอบบางและการทำเลเซอร์จะทำให้ผิวบริเวณนั้น  มีการอักเสบได้ง่ายหรือแห้งและมีโอกาสการแพ้ ระคายเคืองได้ง่าย อีกทั้งโอกาสติดเชื้อง่ายเมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์ และยังใกล้เคียงกับอัณฑะอาจมีผลต่อระบบการสืบพันธุ์ของเพศชายได้ คิดว่าไม่มีประโยชน์ใดๆเลยที่จะไปทำให้อวัยวะเพศบริเวณนั้น เป็นสีขาวและยิ่งน่าเกลียดเพราะจะเป็นด่างๆ ดำๆ แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ ไม่คุ้ม เสียเงิน เจ็บตัว 


นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า อยากเรียนทุกคนอย่าไปเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งการเผยแพร่ดังกล่าวถือเป็นการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย ทั้งการโฆษณาเครื่องมือแพทย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งกรมฯได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการดำเนินการแล้ว และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพื้นที่ลงไปตรวจสอบสถานพยาบาลนั้น แม้จะไม่ได้เป็นผู้โฆษณาเอง แต่คาดว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการโฆษณา จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญอยากฝากไปถึงผู้ที่กดแชร์  ถ้าเกิดอันไหน ผิดกฏหมายและการที่ไปกดแชร์ออกไป  อาจจะผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ ถ้าไม่ถูกต้อง ต้องฝากพวกเรา เรื่องของโซเชียลมีเดียทั้งหลาย การจะแชร์อะไร ต้องระวังให้ดี


ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ รพ.เลอลักษณ์ อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังตรวจสอบแล้วพบว่า รพ. ที่สมาชอกเฟซบุ๊กนำไปโพสต์เป็นสถานที่เดียวกัน จากการพูดคุยกับ น.ส.บันฑิตา วัฒนศิริ ผู้จัดการแผนกผิวพรรณและเลเซอร์ รพ.เลอลักษณ์ เล่าว่า เดิมทีการทำเลเซอร์ตรงจุดปิกาจูนั้นทาง รพ.เลอลักษณ์ ได้ทำให้ลูกค้ามานานแล้ว โดยเริ่มจากลูกค้าประจำที่เข้ามารับการดูแลในเรื่องความสวยความงาม ได้ปรึกษากับคุณหมอว่าอยากให้คุณหมอช่วยเลเซอร์เปลี่ยนสีผิวบริเวณปิกาจูและง่ามขาที่มีสีดำคล้ำให้มีสีผิวที่ขาวขึ้นเพื่อจะได้ใส่กางเกงว่ายน้ำโดยไม่อายใคร ซึ่งเครื่องมือเลเซอร์ของ รพ. เป็นเครื่องมือที่ทันสมัยและมี อย. รับรองในด้านความปลอดภัย ทางคุณหมอก็ได้ทดลองทำดู ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และลูกค้าที่ทำไปแล้วได้ไปต่อกันอีกที จนมีลูกค้าทั้งผู้ชายและสาวประเภทสองแห่มาทำกันตกเดือนละประมาณ 15-20 ราย หลังมีกระแสฮือฮาในเฟซบุ๊กตอนนี้มีลูกค้าทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่โทรเข้ามาจองคิวทำเลเซอร์ปิกาจูเพิ่มประมาณเดือนละ 100 ราย ที่มีการจองไว้ 

ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลเซอร์ปิกาจู ทาง รพ. ได้กำหนดค่าใช้จ่ายไว้การทำแต่ละครั้งอยู่ที่ราคา 4,900 บาท แต่ถ้าทำให้ครบคอสร์ 5 ครั้ง จะคิดแบบเหมาจ่าย 20,000 บาท สำหรับการทำเลเซอร์ปิกาจูนั้นจริงแล้วทางลูกค้าไม่ได้เน้นตรงปิกาจูโดยตรง แต่จะเน้นตรงบริเวณง่ามขาที่ดำคล้ำเสียมากกว่า ตรงปิกาจูไม่สามารถที่จะทำให้ขาวขึ้นได้ จะทำได้เพียงให้สีคล้ายผิวของผู้ทำเท่านั้น 

ด้าน น้องน้ำแข็ง สาวประเภทสอง ที่เพิ่งทำเลเซอร์ไปได้ประมาณอาทิตย์แล้ว วันนี้ได้มาที่ รพ. เพื่อจะทำการเลเซอร์ซ้ำ ได้พูดคุยกับทางผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นสาวประเภทสองที่มีงู เพราะฉะนั้นจำเป็นจะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะถ้าเกิดปิกาจูมีสีดำคล้ำเวลาที่ใส่ชุดสั้นจะเกิดความไม่มั่นใจ นอกจากนี้เธอยังยืนยันว่าการทำเลเซอร์ปิกาจูไม่เจ็บ ไม่ต้องนอนพักฟื้น หลังเลเซอร์แล้วสามารถทำกิจกรรมได้อย่างปกติ

จากกรณีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่ง จ.นนทบุรี เผยแพร่คลิปวิดีโอและรูปภาพขณะการทำเลเซอร์ที่อวัยวะเพศชาย หรือเลเซอร์ปิกาจู เพื่อเปลี่ยนอวัยวะเพศชายที่ดำให้ขาวขึ้น นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า การเผยแพร่ดังกล่าวถือว่าเป็นการโฆษณาที่ผิดกฎหมาย ประกอบด้วย 1.การโฆษณาเครื่องมือแพทย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่ง สบส.ได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการดำเนินการเอาผิดประเด็นนี้แล้ว และ 2.การโฆษณาสถานพยาบาล ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 เพราะมีการระบุชื่อโรงพยาบาลชัดเจน แม้ผู้ทำการโฆษณาจะไม่ใช่สถานพยาบาลเองก็ตาม แต่มีการยิมยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดโฆษณาแทนตนเอง โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการโฆษณาดังกล่าว ซึ่งตรงนี้ได้ประสานให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ดำเนินการแล้ว เนื่องจากเป็นสถานพยาบาลในพื้นที่ จ.นนทบุรี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่