ระยอง 27 ธ.ค.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือหนุ่มชีเปลือยพิการทางสมองที่ถูกขังในบ้านมานาน 15 ปี และเตรียมนำตัวส่งแพทย์รักษา
สำหรับคืบหน้ากรณีหนุ่มวัย 30 ปี ที่ป่วยพิการสมองเป็นชีเปลือยถูกขังในบ้านมานาน 15 ปี ที่ ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ล่าสุดวันนี้(27ธค.) นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้สั่งการให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เทศบาลตำบลสำนักท้อน เจ้าของพื้นที่ รวมทั้งเหล่ากาชาดจังหวัดระยอง ได้เข้าไปดูแลและให้การช่วยเหลือแล้ว
โดยในวันนี้บริเวณหน้าบ้านของหนุ่มพิการทางสมอง ที่เคยมีหญ้าขึ้นรกรุงรังเต็มหน้าบ้าน ได้ถูกตัดไถ่จนโล่งเตียน ผู้คนจากหน่วยงานราชการและเพื่อนบ้านในชุมชนต่างเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือ ในขณะที่หนุ่มชีเปลือยพิการทางสมอง ปิดประตูบ้านเก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้าน และค่อนข้างรู้สึกตื่นตกใจที่เห็นมีผู้คนไปยืนมุงอยู่บริเวณหน้าบ้านของตัวเอง โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ตัวบ้าน เพราะเกรงหนุ่มชีเปลือยจะเกิดความเครียดและอาละวาด
นางดารารัตน์ แก้วสลับสี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จิตเวชจากโรงพยาบาลระยอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบ้านฉางและจากเทศบาลตำบลสำนักท้อน ได้เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าวเพื่อหาทางช่วยเหลือหนุ่มป่วยพิการทางสมองรายนี้ โดยเบื้องต้นได้มอบตะกร้าของใช้และเงินจำนวนหนึ่งให้กับนางสาวสุภาศิริ คำวิรัช พี่สาวของหนุ่มพิการสมอง พร้อมทั้งหารือเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป
นางดารารัตน์ กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือนั้น วันนี้ยังไม่สามารถจะนำตัวของผู้ป่วยไปทำการรักษาได้ เนื่องจากผู้ป่วยตื่นตกใจ กลัวมีความเครียดที่เห็นผู้คนจำนวนมาก เบื้องต้นนี้จะนำคลิปอาการของผู้ป่วยที่นางสาวสุภาศิริ พี่สาวของผู้ป่วย ได้ถ่ายอาการเอาไว้ ไปให้แพทย์เชี่ยวชาญวิเคราะห์อาการว่าผู้ป่วยมีอาการป่วยขั้นไหนจะรักษาอย่างไร พร้อมทั้งจะให้นางสาวสุภาศิริ ไปพบแพทย์เพื่อให้ปากคำถึงอาการของน้องชาย เพื่อจะได้ทำการรักษาต่อไป จากนั้นจะนำใบรับรองจากแพทย์ ไปทำบัตรผู้พิการเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือเบี้ยผู้พิการเดือนละ 800 บาท ตามลำดับ
ด้านนางสาวสุภาศิริ คำวิรัช พี่สาวของนายไพฑูรย์ คำวิรัช หนุ่มชีเปลือยพิการทางสมอง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ารู้สึกตื้นตันใจที่มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและบุคคลหลายฝ่ายได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งตนหวังเพียงให้น้องชายได้รับการรักษาให้อาการดีขึ้นสามารถช่วยเหลือตนเองได้เท่านั้น โดยตามลำพังตนเองแล้ว คงไม่มีปัญญาที่จะหาเงินพาน้องชายไปรักษาได้ เพราะยากจนไม่มีเงิน รายได้จากการทำงานวันละ 300 บาท ต้องนำมาใช้จ่ายเลี้ยงดูน้องชายอย่างเดียวยังไม่พอ จึงอยากจะฝากขอขอบพระคุณหน่วยงานและทุกท่านที่ให้ความเมตตายื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือน้องชายของตน.-สำนักข่าวไทย