กาญจนบุรี 26 ธ.ค.-รอง ผบช.ภ.7 ลุยสอบบิ๊กตำรวจเอี่ยวคดีถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้าน ที่ จ.กาญจนบุรี ทนายพาลุงตำรวจให้ข้อมูลเพิ่ม
กรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ จ.กาญจนบุรี อ้างว่าตนเองถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 เลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท แต่สลากฯชุดดังกล่าวหายไป ต่อมา ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ เป็นผู้นำสลากไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลาก จนเกิดการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งต่อมาต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ซื้อและถูกรางวัลที่ 1 จนเป็นข่าวโด่งดัง สร้างความอลเวงและสงสัยไปทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้
ล่าสุดนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมด้วย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ อายุ 62 ปี เข้าพบ พ.ต.ต.ชัยวัชริศ สิงห์สังข์ สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ ในข้อหาให้พนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ว่าสลาก 30 ล้านงวดข้างต้นของตนหายไป
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ก็ได้พาร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ อายุ 62 ปี ไปให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 7 ที่มี พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร รองผู้บัญชาการตำรวจภาค 7 เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีลุงจรูญ วิมล ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยกับนายตำรวจระดับสูงรวม 2 นาย ซึ่งการให้ถ้อยคำไปตามที่ได้ไปร้องเรียนว่าที่มีการกระทำของทั้ง 2 นาย 3 ข้อ ด้วยกัน คือ 1. มีนายตำรวจระดับสูงไปให้สัมภาษณ์สื่อเป็นการบิดเบือนว่าไม่รู้ว่าไปซื้อสลากที่ใด 2.กรณีที่เรียกเข้าไปที่บ้านพักส่วนตัวเพื่อให้ยินยอมรับสารภาพจะได้ส่วนแบ่ง หากไม่รับจะติดคุกตอนแก่ และ 3. กรณีที่มีการไปอายัดเงินในบัญชีโดยที่ยังไม่มีการสอบสวนก่อน โดยการให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการครั้งนี้ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง และไม่ให้สื่อเข้าร่วมรับฟังภายในแต่อย่างใด และเรื่องนี้ทราบว่ายังต้องไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองกาญจน์ อีกครั้ง แต่ยังไม่ทราบเมื่อใดและเรื่องใดอีก
พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร รองผู้บัญชาการตำรวจภาค 7 กล่าวถึงการสอบสวนว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีหวย 30 ล้าน สอบเพียงว่ากรณีหมวดจรูญไปร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่ามีนายตำรวจ 2 นาย เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเกรงว่าตนเองจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และการมาสอบสวนเรื่องนี้ตนเองก็ไม่ได้หนักใจแม้เป็นตำรวจด้วยกันก็ทำไปตามความเป็นจริงทั้ง 2 ฝ่าย เสร็จแล้วก็จะส่งผลไปให้ผู้บังคับบัญชาต่อไป
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อว่าการเดินทางนำคุณลุงมาให้ถ้อยคำ มี 3 ประเด็นด้วยกันคือ กรณีมีนายตำรวจผู้ใหญ่ทั้งการให้ข่าว การเรียกไปที่บ้านพัก และการอายัดเงิน ส่วนหนักใจหรือไม่ว่าตำรวจจะช่วยกัน เรื่องนี้สังคมทั้งประเทศคงจะดูออกว่ามันเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ขณะที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมล อดีตตำรวจคนถูกรางวัล 30 ล้าน กล่าวถึงการให้ถ้อยคำว่าไม่ได้หนักใจกรณีมาให้ถ้อยคำ เราได้ให้ไปตามความเป็นจริง และเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วไม่หนักใจใดๆ พร้อมขอบคุณสื่อ.-สำนักข่าวไทย