ป.ป.ช. 19 ธ.ค.-ป.ป.ช.ชี้มูล อดีต ผอ.พศ.-อดีต รอง ผอ.พศ. และ จนท. ทุจริตเงินทอนวัดพนัญเชิงวรวิหาร ปีงบประมาณ 2557 และ 2558 พร้อมให้ส่งรายงานและเอกสารไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย รวมทั้งส่งรายงานเอกสารไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญา
นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ส่งเรื่องกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กับพวก ร่วมกันทุจริตเงินงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่อนุมัติให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตำบลกระมัง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปีงบประมาณ 2557 และ 2558 โดยมีนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ
นายวรวิทย์ กล่าวว่า จากการไต่สวน พบว่ามีการทำเป็นขบวนการ วางแผนแบ่งหน้าที่กันทำใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ทำหน้าที่เจรจากับวัดว่า พศ.มีงบประมาณให้ จะสนใจหรือไม่ แต่มีเงื่อนไขว่าวัดจะต้องมอบเงินกลับคืนเพื่อนำไปใช้ในกิจการของ พศ.ในการจัดสรรให้แก่วัดต่าง ๆ กลุ่มที่ 2 จะเป็นผู้ทำเอกสาร หลักฐานเพื่อขออนุมัติตามระเบียบราชการ และกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ดำเนินการหลังการอนุมัติ
นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า การทุจริตเงินทอนวัดพนัญเชิงวรวิหารในปีงบประมาณ 2557 น.ส.ประนอม คงพิกุล ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน พศ. เป็นผู้ติดต่อวัดพนัญเชิงวรวิหารว่าจะจัดสรรเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหาร จำนวน 10 ล้านบาท แต่เมื่อวัดพนัญเชิงวรวิหารได้รับเงินแล้วให้โอนเงินจำนวน 8 ล้านบาทกลับคืน จากนั้น น.ส.ประนอม กลับมาถามเอกสารการอนุมัติเงินอุดหนุน โดยมีนายนพรัตน์ อนุมัติเงินอุดหนุนโดยไม่มีคำร้องขอเงินอุดหนุนของวัดพนัญเชิงวรวิหาร และหลังจาก พศ.โอนเงินอุดหนุนให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหารแล้ว วัดได้โอนเงินกลับคืน 8 ล้านบาทเข้าบัญชีเงินฝากของนางชมพูนุท จันฤาไชย ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดของนายนพรัตน์ แล้วนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต
นายวรวิทย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการทุจริตในปีงบประมาณ 2558 ก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ที่มี น.ส.ประนอม เป็นผู้ติดต่อ แต่ขอเงินคืนจำนวน 5 ล้านบาท โดยมีนายพนม ศรศิลป์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ พศ. รักษาราชการแทน ผอ.พศ.พิจารณาอนุมัติเงินอุดหนุนโดยไม่มีคำขอรับเงินอุดหนุนของวัดพนัญเชิงวรวิหารประกอบการพิจารณา และเมื่อมีการโอนเงิน 10 ล้าน บาทให้แก่วัดแล้ว ทางวัดได้นำเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ไปมอบให้แก่ น.ส.ประนอม
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ได้เปิดโอกาสให้นายนพรัตน์ได้ชี้แจงเป็นรายลักษณ์อักษร โดยอ้างเรื่องการอนุมัติว่าเป็นไปตามระเบียบทางราชการ และนายพนมก็ได้อ้างในการชี้แจงเช่นเดียวกับนายนพรัตน์ แต่ในการสอบสวนของ ป.ป.ช. ยืนยันมีการทำเป็นขบวนการ และผู้บริหารระดับสูงรู้เรื่องทั้งหมด คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วมีมติชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ , นายพนม ศรศิลป์ , น.ส.ประนอม คงพิกุล และ นางชมพูนุท จันฤาไชย โดยให้ส่งรายงานและเอกสารพร้อมทั้งความเห็นเกี่ยวกับนายนพรัตน์ , นายพนม และ น.ส.ประนอมไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ยกเว้นนางชมพูนุท ที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นของทั้ง 4 คนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษา ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช.
“สำนวนเกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางส่งมา มี 2 ช่วง คือ ช่วงแรก 12 คดี ช่วงที่ 2 จำนวน 23 คดี ไต่สวนไปแล้ว 8 คดี และมีการร้องตรงต่อ ป.ป.ช. 62 คดี รวมคดีทุจริตเงินทอนวัดในปีงบประมาณ 2557 และ 2558 จำนวน 97 คดี ซึ่งหลังจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลในวันนี้แล้ว คดีที่เหลือน่าจะใช้เวลาไม่มาก เนื่องจากมีลักษณะและขบวนการเดียวกัน ส่วนวัดอื่น ๆ ก็กำลังดำเนินการ จึงไม่น่าจะใช้เวลานาน เพราะเมื่อคดีแรกเสร็จ คดีอื่นก็จะง่ายขึ้น” นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า กล่าว.-สำนักข่าวไทย