กรุงเทพฯ 15 ธ.ค.-กระทรวงพลังงาน เผยภาคเอกชน ทั้งผู้ค้าน้ำมันและไบโอดีเซล พร้อมดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ) 1 แสนตัน ภายใน1 เดือน เม็ดเงินกว่า 2.4 พันล้านบาท จากสต็อกทั่วประเทศที่มีกว่า5 แสนตัน ยืนยันไม่กระทบทำให้ราคาดีเซลแพงขึ้นแต่อย่างใด
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว. พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงได้ร่วมแก้ไขปัญหาสต็อกซีพีโอ ที่มีสูงสุดในประวัติการณ์กว่า 5 แสนตันต่อเดือน โดยจากการหารือกับโรงงานผลิตไบโอดีเซล(บี 100 )และผู้ค้าน้ำมัน พบว่าพร้อมให้ความร่วมมือที่จะรับซื้อซีพีโอ 1 แสนตันภายใน 1เดือน โดยจะมีการใช้วงเงินของเอกชนในการดูดซับซีพีโอรวมกว่า 2.4 พันล้านบาท ในส่วนนี้ จะแบ่งออกเป็น 1.ดูดซับซีพีโอ 5 หมื่นตัน สำหรับ การเพิ่มกำลังผลิตบี 100 เพื่อสต็อกจำนวน 2 ล้านลิตร/วัน จากการผลิตปกติ เพื่อใช้สำหรับการผสมบี7 ในดีเซล เพื่อจำหน่ายหน้าปั๊ม63 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นการใช้บี 100 จำนวน 4.0 ล้านลิตร/วัน(ใช้ซีพีโอ 1 แสนลิตร/เดือน )ดังนั้น ก็ขอความร่วมมือให้ผลิตเพื่อสต็อก อีก 2 ล้านลิตร /วัน รวมเป็นผลิต 6 ล้านลิตรต่อวัน2 ล้านลิตร /วัน
รวมเป็นผลิต 6 ล้านลิตรต่อวัน
2. ดูดซับซีพีโออีก 5 หมื่นตัน สำหรับการสต็อกซีพีโอ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตบี 100 โดยเพิ่มการสต็อก ในถังน้ำมันทั่วประเทศอีก 60 ล้านลิตร จากปัจจุบันถังรวมจัดเก็บได้ 165 ล้านลิตร และมีการสต็อกไปแล้ว 92 ล้านลิตร
“ในส่วนที่ดูดซับเพิ่มเติมซีพีโอ1 แสนลิตร/เดือนนี้ ทางผู้ประกอบการจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งจะไม่กระทบต่อราคาขายดีเซลหน้าปั๊มด้วย โดยราคาซีพีโอขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 19 บาท/ลิตร ในขณะที่ราคาบี100 อยู่ที่ประมาณ22 บาท/ลิตร”นายศิริ กล่าว
นายศิริ กล่าวด้วยว่า การสต็อกทั้งบี 100 และซีพีโอ ของภาคพลังงาน จะดำเนินการเพียง 1 เดือน หลังจากนั้นจะนำมาใช้ผลิตในระบบ เพราะไม่สามารถสต็อกได้นาน จะมีผลต่อคุณภาพผลิต อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นจะพิจารณาแนวทางเพิ่มเติมว่าจะช่วยดูดซับได้เพิ่มอีกอย่างไร เช่น การส่งออกบี 100 การส่งออกซีพีโอ รวมทั้งจะหาถึงแนวทางระยะยาว ในการจัดการสต็อกเพื่อผลิต บี 7 ทั้งปี 2561 ซึ่งหากบริการจัดการได้จะใช้ซีพีโอได้ 1.2-1.3 ล้านตัน/ปี ซึ่งมากกว่าการใช้ซีพีโอเพื่อการบริโภคที่จะใช้เพียง 0.9-1 ล้านตัน/ปี -สำนักข่าวไทย