ผู้จัดการ ศวปถ.ย้ำอุบัติเหตุไทย บนท้องถนน

สำนักข่าวไทย 14 ธ.ค.-ศวปถ.ย้ำสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนของไทยขึ้นอันดับ 1 ของโลก ยังเป็นตัวเลขเดิมจากปี 2015 เหตุมาจากไทยขาดพัฒนาระบบขนส่ง และอุบัติเหตุในรถจักรยานยนต์สูง


นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน (ศวปถ.) กล่าวถึงกรณีเว็บไซด์เวิลด์แอตลาส www.worldatlas.com จัดอันดับไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ว่าเรื่องนี้ เป็นเพราะมีการใช้ข้อมูลตัวเลขเดิม โดยเป็นการขยับขึ้นหลังจากมีการปรับอันดับการเสียชีวิตในลิเบีย ให้เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองด้วย ขณะที่ไทยยังใช้อัตราการเสียชีวิตเดิมในปี 2015ที่มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนน 36.2  คนต่อแสนประชากร ซึ่งตัวเลขเหล่านี้มาจากการเสียชีวิตของไทย มาจากรถจักรยานยนต์ สูงสุด และเป็นยอดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุดติดอันดับโลกอยู่แล้ว  โดยมีอัตราการเสียชีวิต 73 ต่อ 100 คน หรือคิดเป็นอัตราตาย 3 ใน 4  


นพ.ธนะพงศ์กล่าวต่อว่า ปัจจัยที่ทำให้ไทยมีอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงสุด หนีไม่พ้น เนื่องจากระบบขนส่งของไทยที่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่กระจายไปครอบคลุมทุกพื้นที่ คนส่วนใหญ่นิยมใช้รถยนต์ ส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึก อีกทั้งผู้คนส่วนใหญ่นิยมใช้รถจักรยานยนต์แต่ไม่นิยมสวมหมวกกันน็อก  โดยอัตราการเสียชีวิตจากการไม่สวมหมวกมีมากถึงร้อยละ 92-94 ขณะที่ยอดการสวมหมวกมีแค่ร้อยละ 40-45 ต้องให้ลดลง เหลือร้อยละ 20  อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุท้องถนนจึงจะลดลง  


นพ.ธนะพงศ์ กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลของการขับขี่รถจักรยนต์บนท้องถนน พบ อายุของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนน ส่วนใหญ่ 15-18ปี จะได้รับการอนุโลมมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ชั่วคราว ในรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 110 ซีซี แต่ในต่างจังหวัดกลับพบว่าอายุเฉลี่ยของเด็กขับขี่รถจักรยานยนต์กลับน้อยลงเหลือที่ 9 ปีเท่านั้น ถือว่าอายุน้อยมาก การตัดสินก็น้อยประสบการณ์ก็น้อย ซีซีก็สูงยิ่งอันตราย

สำหรับทางแก้ของปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน  นอกจากเพิ่มระบบขนส่ง ระบบรางแล้ว ควรมีการกำหนดบังคับ ในส่วนของอัตราความเร็วในในรถ จักรยานยนต์ ควรทำให้โลว์สปีดไม่เกิน 45 ซีซีในบางพื้นที่ เช่น เมืองท่องเที่ยว เพื่อจำกัดความเร็ว สร้างความปลอดภัย เพราะในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นจีน เวียดนาม อัตราการตายลดลง เมื่อมีการจำกัดความเร็วในรถจักรยานยนต์   และเพิ่มอัตราการสวมหมวกกันน็อก  เพื่อสร้างความปลอดภัย  

นพ.ธนะพงศ์ กล่าวอีกว่า  สำหรับในช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังมีการหารือเรื่องอุบัติเหตุกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทางมูลนิธิเมาไม่ขับ และ ศวปถ. ได้เสนอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ในการกลุ่มผู้ขับขี่เมาแล้วขับ มีการตรวจจับวัดระดับแอลกอฮอล์ใน               ผู้ประสบอุบัติเหตุ และบาดเจ็บทุกราย ไม่สามารถปฏิเสธการตรวจจับวัดระดับแอลกอฮอล์   ส่วนผู้ที่เป็นข้าราชการ หากพบว่า มีการกระทำผิดรับโทษ 2 เท่า  และถือว่ามีโทษทางวินัยราชการ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]