นครพนม 13 ธ.ค.-อดีตเมียหนุ่มป่วยมะเร็งเบ้าตาพร้อมโอนเงินบริจาคที่เหลือ 5.7 ล้านบาทคืน พ้อไม่น่าถึงกับฟ้อง พ่อตายันไม่ได้ผลาญตามข่าว
กรณีนายประเสริฐ คำมุงคุณ อายุ 57 ปี พร้อมบุตรชายนายเดชฤทธิ์ คำมุงคุณ หรือน้องมอส วัย 24 ปี หนุ่มป่วยมะเร็งเบ้าตา ออกมาร้องเรียนเพื่อทวงเงิน 9 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นเงินบริจาคของประชาชนทั่วประเทศ หลังบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง แวะมาเยี่ยม พร้อมทั้งระดมรับบริจาคจนยอดเงินในบัญชีพุ่งเข้าบัญชีของ น.ส.พัชรีพร สุวรรณพรม วัย 21 ปี อดีตภรรยานายมอส แต่ครอบครัวน้องมอสเกรงว่ายอดเงินที่เหลืออีก 5.7 ล้าน จะถูกเบิกจ่ายในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงตั้งทนายฟ้องภรรยา-พ่อตา-แม่ยาย โดยศาลจังหวัดนครพนมประทับรับฟ้องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.60 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 159 หมู่ 2 บ.โสกแมว ต.อุ้มเหม้า อ.ธาตุพนม ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านน้องมอสไปประมาณ 500 เมตร ริมถนนสายดงหลวง-อุ้มเหม้า พบนายประดิษฐ์ สุวรรณพรม นางทองม้วน สุวรรณพรม อายุ 38 ปี และ น.ส.พัชรีพร หรือน้องป๊อปปี้ อดีตภรรยาและอดีตพ่อตาแม่ยายนายมอส อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยทั้งหมดยืนยันว่าไม่ได้หอบเงินจำนวน 9 ล้านบาทหลบหนีไปไหนตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
นายประดิษฐ์ อดีตพ่อตาน้องมอส กล่าวว่า นายมอส อดีตลูกเขยได้มาอยู่กินกับบุตรสาวตนเองนาน 5 ปี กระทั่งเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ก่อนลูกลามไปที่เบ้าตาจนถลนออกมา ยืนยันว่าครอบครัวไม่ได้รังเกียรจนายมอส แต่อย่างใด ก่อนที่พี่บิณฑ์จะระดมเงินช่วยยังได้พาน้องมอสไปรักษาที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น แต่ไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงส่งรักษาต่อที่ รพ.จุฬาภรณ์ฯ ย่านหลักสี่ในเวลาต่อมา หลังพี่บิณฑ์ระดมเงินเข้าบัญชีบุตรสาวได้ 7 ล้านกว่าบาท วันที่ 1 ส.ค.59 บุตรสาวเบิกถอนเบื้องต้นจำนวน 2 แสนบาท ให้ตนเองถือไว้ 1 แสนบาท ส่วนอีก 1 แสนบาทให้นายประเสริฐ บิดานายมอสถือไว้
อดีตพ่อตาน้องมอสวัย 38 ปี กล่าวต่อว่า เงินที่ถอนไปแต่ละครั้งก็เป็นค่าใช้จ่ายในการเช่าโรงแรม ค่ากินค่าอยู่รวมทั้งค่าเดินทางและหมดไปกับค่ารักษา ตนเองและบุตรสาวมีสลิปการเบิกจ่ายและจดลงสมุดไว้เป็นหลักฐาน โดยมีนายก อบต.อุ้มเหม้า ไปด้วยและพร้อมเป็นพยานให้ ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่านำเงิน 3.2 ล้านบาท ไปซื้อรถเกี่ยวข้าว 1.2 ล้านบาท รถกระบะ 4.5 แสนบาท และรถจักรยานยนต์อีก 4 คัน ไม่เป็นความจริง รถเกี่ยวข้าวก็ไม่เคยมี ส่วนรถกระบะนางม้วนภรรยาของตนเอง เคยทำงานที่โรงงานรับซื้อยางพารา 4 ปี เก็บออมไว้ซื้อเอง ส่วนอาวุธปืนที่อดีตลูกเขยอ้างว่าบุตรสาวตนเองนำมาให้ลูบคลำที่เคหะแห่งหนึ่งย่านหลักสี่ ก็ไม่เป็นความจริง ในวันนี้ตนเองและครอบครัวจะเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ธาตุพนม หลังถูกกล่าวหาและหมิ่นประมาททำให้ครอบครัวได้รับความเสียหาย
ขณะที่ น.ส.พัชรีพร หรือน้องป๊อปปี้ อดีตภรรยาน้องมอส กล่าวทั้งน้ำตาว่า อยู่กินกับนายมอสแต่ไม่ได้จดทะเบียนมีบุตรสาว 1 คนวัย 5 ขวบ ก่อนอดีตสามีจะเจ็บป่วยมีอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา หลังน้องมอสเจ็บป่วยครอบครัวตนเองดูแลโดยตลอด ตนเองไม่ได้เลิกกับสามี แต่อดีตสามีทิ้ง หนีกลับบ้านขณะที่อยู่ห้องเช่าย่านหลักสี่ด้วยกัน จากนั้นนายมอส ก็ไม่มาหาตนเองและครอบครัวอีกเลย ส่วนที่นายมอสระบุว่าตนเองเอาปืนให้ลูบคลำที่ห้องเช่า ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าไม่ได้หอบเงิน 9 ล้านหนีตามที่เป็นข่าว ยืนยันได้ว่ายอดเงินบริจาคที่พี่บิณฑ์ระดมเข้าบัญชีนั้นมีแค่ 7 ล้านกว่าบาท ไม่ใช่ 9 ล้านแต่อย่างใด
“ส่วนที่อดีตสามีบอกว่านำเงินไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์นั้น น้องมอสเป็นคนบอกเองให้นำเงินไปต่อเติมบ้านที่อยู่ปัจจุบันหมดไป 5 แสนบาท แต่กลับไม่มาอยู่ด้วย ส่วนที่อ้างว่านำเงินไปต่อเติมบ้านที่ จ.มุกดาหาร ของพ่อตนเองนั้นก็ไม่เป็นความจริง แต่เป็นบ้านของน้องชายพ่อ น้องมอสทำกับครอบครัวตนเองขนาดนี้รู้สึกเสียใจ และจะไม่ขอกลับไปคืนดีอีก กรณีที่อดีตสามีตั้งทนายฟ้องร้อง พร้อมพ่อแม่ในข้อหายักยอกเงินเป็นคดี หลังศาลประทับรับฟ้องไว้พิจารณาในนัดวันที่ 22 ม.ค.61 ส่วนคดีแห่งนัดวันที่ 29 ม.ค.61 ตนเองและครอบครัวตกลงกันแล้วว่าจะคืนเงินที่เหลือในบัญชี 5.7 ล้านบาท โดยไม่ขอสักบาท แต่ไม่ใช่ 9 ล้านบาทที่เป็นข่าว” อดีตภรรยาน้องมอสกล่าว.-สำนักข่าวไทย