กรุงเทพฯ 1 ธ.ค. – ทีเอ็มบีมองเทรนด์ลงทุนภาครัฐ เที่ยวไทย สังคมสูงวัย ปีหน้ายังดี เทรนด์เศรษฐกิจโลกโตหนุนธุรกิจส่งออกโตสดใส เทรนด์ดิจิทัลพลิกสมรภูมิค้าปลีก-ค้าส่งไทย
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี วิเคราะห์ 15 ธุรกิจแนวโน้มสดใสโตตาม 5 เทรนด์เศรษฐกิจปี 2561 เทรนด์แรกที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง 2-3 ปีก่อน คือ เทรนด์การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะมีเม็ดเงินก่อสร้างกว่า 770,000 ล้านบาท จากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ส่วนใหญ่อยู่ในระยะก่อสร้าง โครงการลงทุนและจัดซื้อตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 โดยภาครัฐเร่งเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ธุรกิจเด่นที่ได้รับอานิสงส์ คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจที่ปรึกษาการก่อสร้าง/สิ่งแวดล้อม ธุรกิจขาย/ให้เช่าเครื่องจักรกลก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น เพราะนโยบายพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำให้มีการลงทุนก่อสร้างโรงงาน สำนักงาน ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น เป็นแรงหนุนธุรกิจกิจกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องปีหน้า
สำหรับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยปีจอยังคงกระแสดีอย่างต่อเนื่อง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีคาดการณ์ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 37.0 ล้านคนในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี สุราษฎร์ธานี ฯลฯ ธุรกิจดาวเด่นที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์นี้คือ ธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร ธุรกิจขนส่ง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่รออยู่ คือ ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวท่องเที่ยวในไทยนานขึ้นและกระจายนักท่องเที่ยวสู่จังหวัดอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการบ้านที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬายังต้องคิดต่อไป
ส่วนเทรนด์สังคมสูงวัยและใส่ใจสุขภาพ มีอิทธิพลต่อธุรกิจและเศรษฐกิจไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากประชากรสูงอายุที่คาดว่าปีหน้าจะมีจำนวนกว่า 10.5 ล้านคน หรือร้อยละ 16.0 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 12.3 ล้านคนในอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากเม็ดเงินใช้จ่ายเพื่อการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพที่เพิ่มตามจำนวนผู้สูงอายุแล้ว กระแสการดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เช่น การวิ่งออกกำลังกาย ฟิตเนส โยคะ แบดมินตัน ยังคงทำให้การใช้จ่ายด้านกีฬาและสันทนาการเพิ่มขึ้น ธุรกิจดาวเด่นตามเทรนด์นี้ คือ ธุรกิจดูแลผู้สูงวัย ร้านขายยาและอาหารเสริม ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ออกกำลังกาย
ขณะที่เทรนด์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เทรนด์ล่าสุดเห็นได้อย่างชัดเจนจากการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐ และตลาดเกิดใหม่ในโซนเอเชีย คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ยอดส่งออกของไทย 10 เดือนแรกขยายตัวสูงถึงร้อยละ 9.7 คาดว่าส่งออกไทยนี้ปีจะขยายตัวได้ร้อยละ 8 และจะเป็นแรงเหวี่ยงต่อเนื่องหนุนส่งออกไทยปีหน้าขยายตัวได้อีกร้อยละ 4.8 ซึ่งธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลดีส่งออกมากขึ้น คือ ธุรกิจส่งออกอาหารแปรรูป ธุรกิจส่งออกผัก/ผลไม้ และธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
เทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัล สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีกจากเดิมเข้าสู่การค้าผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น นอกจากพฤติกรรมการจับจ่ายของคนไทยจะเปลี่ยนมาซื้อสินค้าบริการผ่านอินเตอร์เน็ตแล้ว ระบบการชำระเงินผ่านบริการพร้อมเพย์ อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง แอพพลิเคชันบนมือถือที่เชื่อถือได้ ใช้งานได้ง่าย และประหยัด ยังมีส่วนช่วยเร่งการจับจ่ายผ่านระบบออนไลน์อีกทาง คาดว่าปี 2561 มีมูลค่ากว่า 920,000 ล้านบาทและขยายตัวเป็น 3.0 ล้านล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 ต่อปี ธุรกิจที่ได้รับอานิสงค์โดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ ธุรกิจขายของออนไลน์ (สินค้าอุปโภคบริโภค) ธุรกิจขนส่งสินค้า ธุรกิจบริการด้านไอที.-สำนักข่าวไทย