ทำเนียบรัฐบาล 22 พ.ย.-นายกฯ ยืนยันโครงการอีอีซีช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชน พร้อมดูแลคนในพื้นที่อย่างเต็มที่ ขอประชาชนเข้าใจและร่วมมือ ย้ำรัฐบาลไม่เอื้อประโยชน์ให้เอกชน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ว่า รัฐบาลเร่งพัฒนาความพร้อมด้านต่าง ๆ รองรับการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศที่จะเข้ามาในพื้นที่อีอีซี ซึ่งโครงการอีอีซีไม่เพียงจะสร้างประโยชน์ให้ 3 จังหวัดคือชลบุรี ฉะเชิงเทราและระยองเท่านั้น แต่จะสร้างประโยชน์โดยรวมให้ประชาชนทั้งประเทศ โดยอีอีซีถือเป็นโครงการนำร่องก่อนจะพิจารณาให้เกิดขึ้นในพื้นที่อื่น ๆ โดยจะพิจารณาถึงความเหมาะสมที่แตกต่างกัน
“รัฐบาลไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจ แต่มุ่งดูแลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด โดยยึดหลักการเคารพ คุ้มครองและเยียวยา นอกจากนี้บริษัทต่าง ๆ ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเข้ามา จะต้องร่วมดูแลประชาชนผ่านกิจกรรมและกองทุนต่าง ๆ สิ่งสำคัญต้องทำให้ประชาชนรู้ว่าวันนี้รัฐบาลเร่งผลักดันอีอีซี เพื่อใคร และต้องให้ประชาชนเข้าใจว่าหากประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น ผลประโยชข์จะตกอยู่ที่ประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบแนวทางเพิ่มเติมว่านอกจากต้องส่งเสริมใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายแล้ว ขอให้พิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของการลงทุนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการส่งเสริมการลงทุนขอให้ดูถึงความเชื่อมโยงกับวัตถุดิบหรือสินค้าที่ประเทศไทยมีอยู่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการแล้วจำนวนมากพอสมควร โดยเฉพาะในระยะที่หนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาระยะ 5 ปี โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในปี 2561 นี้ได้เสนอโครงการมาแล้วกว่า 100 ราย จึงเป็นการยืนยันได้ว่ารัฐบาลไม่ได้บิดเบือนข้อมูล เพราะผู้ร่วมทุนมีทั้งบริษัทต่างประเทศและบริษัทในประเทศไทยเอง ที่ลงทุนในพื้นที่ภาคอุตสาหกรรมเดิมของเอกชนและในพื้นที่อุตสาหกรรมของรัฐ สำหรับการจ้างงานในระยะแรก อาจจะต้องเกิดการจ้างงานทั้งคนไทยและอาจจะต้องเสริมจากแรงงานต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในสาขาที่เราขาดแคลน เพื่อเป็นการพัฒนาคนตามเป้าหมาย
“การทำงานในเวลานี้ อยากทำให้เกิดความชัดเจน และให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจในการทำงานของรัฐบาลมากที่สุด สิ่งไหนที่มีปัญหา ผมพร้อมปลดล็อกให้ด้วยวิธีทางกฎหมายที่ชอบธรรม เพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศ เชื่อว่าคนไทยไม่อยากเห็นการใช้กฎหมายเชิงบังคับอย่างเดียว แต่อยากให้ใช้ความร่วมมือร่วมใจเห็นการพัฒนาประเทศในอนาคตไปพร้อม ๆ กับรัฐบาล ทุกคนต้องมุ่งเน้นว่า ประเทศไทยต้องการคนดี คนเก่ง มีคุณธรรม มีศีลธรรม เคารพศาสนา อย่ามาชมเชยผมว่าเป็นคนดีเพียงคนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่ดี แต่ผมเป็นคนที่มีความพยายามที่อยากจะทำในสิ่งที่พูดมา ขออย่ามองว่ารัฐบาลนี้จะเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ไม่ต้องการเอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น ส่วนเรื่องขอความร่วมมือให้แจ้งเรื่องทุจริตมาที่ผม ยืนยันว่าแม้การทุจริตจะไม่มีใบเสร็จ แต่จำเป็นต้องมีข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นจากประชาชน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ข้อมูลจากประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอความร่วมมือสร้างโซเซียลมีเดียที่สร้างสรรค์ ด้วยจิตสำนึกอุดมการณ์และความรักชาติ อย่าให้ต้องบังคับใช้กฎหมาย จนนำไปสู่ความขัดแย้ง แต่อยากให้ทุกคนคิดว่า ถ้าต้องการได้สิ่งดี ก็ให้ทำสิ่งดีๆให้กับประเทศด้วย โดยต้องร่วมมือกันกับรัฐบาล.- สำนักข่าวไทย
