ผลกระทบรื้อคดีครูจอมทรัพย์

นครพนม 16 พ.ย. – การรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่กรณีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูชาวสกลนคร ขับรถชนคนตายเมื่อ 12 ปีก่อน ซึ่งศาลจังหวัดนครพนมนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.)  ไม่ว่าจะออกมาในทิศทางใด ล้วนส่งผลกระทบผู้เกี่ยวข้อง 


อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์กระบวนการยุติธรรมไทยที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งให้ศาลจังหวัดนครพนมรื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูจังหวัดสกลนคร ผู้ต้องโทษคดีขับรถชนคนตายใน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อปี 2548 ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ปี 2558 หลังถูกจำคุกนาน 1 ปี 6 เดือน จากโทษเต็ม 3 ปี 2 เดือน ตามคำพิพากษาศาลฎีกา

หลักฐานใหม่ที่ศาลเชื่อจนนำมาสู่การรื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ คือ การปรากฏตัวของนายสับ วาปี ชาวมุกดาหาร จ่ายเงินชดเชยให้แก่ญาติผู้ตายในศาลแพ่ง เมื่อปี 2557 พร้อมสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง โดยใช้รถยนต์ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร 


อย่างไรก็ตาม เมื่อหลักฐานตำรวจ อัยการฝ่ายคัดค้านพบว่าช่วงเวลาเกิดเหตุรถคันดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความครอบครองของนายสับแล้ว อีกทั้งนายสับยังให้การขัดกันเอง โดยก่อนออกมาสารภาพต่อหน้าศาล เพื่อนครูจอมทรัพย์ได้พานายสับและนายเสริฐ รูปสะอาด เข้าพบตำรวจ สภ.เรณูนคร อ้างว่านายสับขายรถให้นายเสริฐ นายเสริฐเป็นคนขับรถชนคนตาย ทั้งที่นายเสริฐขับรถยนต์ไม่เป็น 

หลักฐานเหล่านี้ทำให้ทีมงานกระทรวงยุติธรรมตัดชื่อนายสับออกจากบัญชีพยาน แล้วหันไปเน้นผลตรวจรถยนต์ทะเบียน บค 56 สกลนคร ของครูจอมทรัพย์ว่าไม่เคยผ่านการชนรุนแรง ป้ายทะเบียนที่เป็นจุดกระทบจนพบการแลกสีเขียวไปติดกับรถจักรยานผู้ตาย ก็ไม่พบร่องรอยการชนเช่นกัน รวมทั้งประจักษ์พยาน 2 ปาก เบิกความยืนยันว่าเห็นคนก่อเหตุเป็นผู้ชาย 

วันนี้ครูจอมทรัพย์ตระเวนไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตัวจังหวัดสกลนคร และยังคงมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง


ทั้งนี้ หากศาลพิพากษากลับให้ครูจอมทรัพย์พ้นมลทิน จะเข้าสู่ขั้นตอนการจ่ายเงินเยียวยา ซึ่งครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจเท่าที่จ่ายจริง แต่การเจ็บป่วย ต้องเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี รวมทั้งค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ระหว่างถูกดำเนินคดีตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ค่าทนายความ และค่าใช้จ่ายอื่น นอกจากนี้ยังมีโอกาสกลับไปรับราชการครูตามเดิม 

หากผลการพิจารณายืนตามคำพิพากษาเดิม แม้ครูจอมทรัพย์รับโทษครบแล้ว แต่ตำรวจเตรียมเดินหน้าเอาผิด พร้อมกลุ่มเพื่อน และพยาน รวมนับ 10 ราย หลังปรากฏหลักฐานว่ามีขบวนการจ้างคนให้รับผิดแทนครูจอมทรัพย์

ขณะที่ลูกสาวนายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย เตรียมลุ้นผลคำพิพากษาทางสื่อมวลชน เพราะยังคาใจว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนขับรถชนพ่อ แต่ตนก็อโหสิกรรมให้หมดแล้ว เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานกว่า 10 ปี

ทั้งนี้ ทุกฝ่ายรอฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยศาลจังหวัดนครพนมนัดอ่านคำพิพากษาในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.00 น. – สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย-ใต้ตอนบน ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยภาคใต้ตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยในภาคอีสาน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว