ภูมิภาค 10 ธ.ค.-สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ถือว่าทรงตัวเล็กน้อย หลังจากที่ปริมาณฝนลดลง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่ายังมี 5 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบ ไล่ตั้งแต่สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ตรัง, สงขลา และพัทลุง
โดยที่สุราษฎร์ธานี พบว่าสถานการณ์กลับมาวิกฤติอีกครั้ง หลังเกิดฝนตกหนักมาตลอดทั้งคืน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำตาปี อำเภอพุนพิน เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มริมสองฝั่งแม่น้ำ สูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร ขณะที่ถนนสายบางอ้อ ซึ่งเชื่อมต่อไปยังถนสายเอเชีย 41 ถูกน้ำท่วมสูง 60 เซนติเมตร รถเล็กสัญจรไป-มาลำบาก โดยเจ้าหน้าที่ ปภ. จังหวัด ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ดินสไลด์ ในพื้นที่หมู่ 7 ตำบลปากหมากอย่างใกล้ชิด เนื่องจากก่อนหน้านี้มีดินสไลด์หลายจุด
ส่วนสถานการณ์ที่นครศรีธรรมราช โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง ประสานกรมชลประทานระดมเครื่องสูบน้ำ 26 เครื่อง และ เครื่องผลักดันน้ำอีก 18 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทยผ่านแม่น้ำปากพนัง โดยประตูระบายน้ำบางไทร เขตรอยต่ำตำบลบ้านใหม่กับบางศาลา อำเภอปากพนัง ได้เปิดบานประตูระบายน้ำสูงสุดทั้งสองบาน ซึ่งจะทำให้พื้นที่ตำบลชะเมา, ตำบลเกาะทวด, ตำบลบ้านใหม่ และ ตำบลบางศาลา ระดับน้ำลดเร็วขึ้น แต่ภาพรวมยังประสบปัญหาเล็กน้อย เนื่องจากระดับน้ำหลังประตูระบายน้ำค่อนข้างสูง ทำให้ระบายน้ำได้ไม่เต็มที่นัก ขณะที่ภาพรวม 23 อำเภอ ที่ถูกน้ำท่วมส่วนใหญ่เริ่มทรงตัว ราษฎรได้รับผลกระทบ 301,557 คน พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 420,000 ไร่ และมีรายงานผู้เสียชีวิต 10 คน
ส่วนที่จังหวัดตรัง ยังมีหลายตำบลในอำเภอเมือ งและอำเภอกันตัง ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ถนนทางหลวงสาย 403 และ 419 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 2-6 บริเวณหน้าวิทยาลัยสารพัดช่างตรัง ยังมีน้ำท่วมสูงตั้งแต่ 20-40 เซนติเมตร ขณะที่นายกอบต.ควนธานี นำเรือท้องแบนออกสำรวจพื้นที่หมู่ 5 ตำบลควนธานี พบว่ามีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนเกือบมิดหลังคาประมาณ 40 หลัง แต่ภาพรวมสถานการณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน เนื่องจากระดับลดลงจาก 3 เมตร เหลือเพียง 1 เมตร 50 เซนติเมตร เบื้องต้นพบประชาชนเดือดร้อน 327 หรือประมาณ 1,200 คน ส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ในบ้านเรือน เพราะเกรงว่าทรัพย์สินจะสูญหาย นอกจากนี้ยังพบว่าสวนยางพารา และพืชผลทางการเกษตรเสียหายกว่า 1,000 ไร่ คาดว่าหากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติไม่เกิน 3 วัน.-สำนักข่าวไทย