กองทัพบก 18ต.ค.-ผบ.ทบ.มอบหมายแม่ทัพภาค 1 รับนโยบายตรงจากนายกฯ ดูแลความเรียบร้อยรอบพระบรมมหาราชวัง พร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะ
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์(ศตส.)มอบหมายให้กองทัพบกดูแลความสงบเรียบร้อย และประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระบรมมหาราชวัง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคสช.ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบการปฏิบัติให้เกิดความเรียบร้อย
“โดยในเวลา 08.00 น.ของทุกวัน จะประชุมติดตามความเรียบร้อยบริเวณที่ตั้งกองบัญชาการติดตามสถานการณ์ ภายในวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรวิหาร ซึ่งมีกองพลที่ 1 รักษาพระองค์(พล.1รอ.) เป็นหน่วยรับผิดชอบเพื่อสรุปภาพรวมและอุปสรรคของการปฏิบัติงานในแต่ละวัน และช่วงเย็นเวลา 15.00 น. จะเป็นการประชุมระดับกองทัพภาค โดยกองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยหลักในการสรุปการทำงานแต่ละวันอีกครั้งที่กองบัญชาการติดตามสถานการณ์ บริเวณท้องสนามหลวง” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า สำหรับกองบัญชาการติดตามสถานการณ์ กองทัพภาคที่ 1 จะมีพล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ดูแล ประสานงานกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. โดยจะเป็นผู้รับมอบนโยบายและข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีโดยตรง และเป็นหน่วยหลักในการประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจนครบาล มูลนิธิ อาสาสมัคร ภาคเอกชน ทั้งนี้ คสช. มีความมุ่งมั่นที่จะดูแลพี่น้องประชาชนที่มาถวายสักการะอย่างดีที่สุด โดยการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการเข้าพื้นที่พระบรมหาราชวังให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“สำหรับมาตรการป้องกันความรุนแรงที่เกิดจากกลุ่มคนที่เข้าไปล้อมบุคคลที่โพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า เท่าที่ตรวจสอบมี 3 กรณีที่จังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และพังงา ซึ่งคสช.มีความเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดูแลและดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย โดยใช้มาตรการที่เหมาะสม รวดเร็ว แยกตัวบุคคลที่โพสต์หมิ่นเพื่อไม่ให้ถูกทำร้าย เพราะในขณะนี้คงไม่มีใครอยากเห็นคนไทยใช้กำลังทำร้ายกัน หรือทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ ระมัดระวังเป็นพิเศษ” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย