กรุงเทพฯ 19 ต.ค. – นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ฝนที่ตกชุกในพื้นที่อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร และอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงและแม่น้ำสะแกกรังไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้น คาดว่าปริมาณน้ำจะไหลมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาวันที่ 22 ตุลาคม 2559 กรมชลประทานได้วางแผนบริหารจัดการน้ำล่วงหน้าไว้แล้ว ด้วยการพร่องน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้มีพื้นที่ว่างไว้รองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาเพิ่ม พร้อมกับใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกรับน้ำเข้าไปตามศักยภาพ ส่วนปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะพิจารณาการระบายน้ำให้สมดุลกับปริมาณน้ำเหนือเขื่อน โดยควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา
สำหรับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แนวโน้มน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำยังคงลดลง กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำลงเหลือ 19 ล้านลูกบาศก์เมตร (เมื่อวานนี้ 38 ล้านลูกบาศก์เมตร) เพื่อเก็บกักน้ำให้เต็มเขื่อนก่อนจะสิ้นสุดฤดูฝน ส่วนที่เขื่อนพระราม 6 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 430 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาลดลงตามลำดับ
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักจะไหลมาบรรจบกันที่บริเวณอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 2,273 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ยังคงมีระดับน้ำสูงขึ้นตามจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเล เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งกรมอุทกศาสตร์คาดการณ์ว่าจะสูงสุดในวันที่ 19 ตุลาคม 2559 จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำนอกคันกั้นน้ำติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-สำนักข่าวไทย