กรุงเทพฯ 5 ต.ค. – ไอแบงก์เดินหน้าคัดเลือกพันธมิตร มั่นใจปีหน้ามีกำไรครั้งแรกในรอบ 5 ปี ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เปิดเผยว่า ธนาคารปรับโครงสร้างตามมติคณะรัฐมนตรีแล้วเห็นสัญญาณดีขึ้น คาดจะหยุดผลประกอบการขาดทุนปีนี้ โดยขณะนี้ธนาคารมีเงินฝาก 90,000 ล้านบาท สินเชื่อรวม 44,000 ล้านบาท และมีหนี้เสียคงค้างร้อยละ 16 คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท มั่นใจผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรในปีหน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี จากการเดินหน้าขยายฐานสินเชื่อสูงขึ้น คาดปล่อยสินเชื่อสูงถึง 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันต้องควบคุมความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อและคัดเลือกลูกค้าที่เหมาะสมทั้งชาวมุสลิม ผู้ประกอบการรายย่อยและรัฐวิสาหกิจ พร้อมลดค่าใช้จ่ายทุกทาง
ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการคัดเลือกพันธมิตรมาร่วมทุนใหม่ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการดำเนินกิจการตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งพันธมิตรเรียกร้องให้ไอแบงก์เพิ่มทุนมีสถานะทางการเงินไม่ติดลบก่อน จึงจะร่วมทุนด้วย ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญที่ไอแบงก์กำลังดำเนินการอย่างเต็มที่
ส่วนเงินเพิ่มทุนที่กระทรวงการคลังจะทยอยเพิ่มให้ในวงเงิน 18,000 ล้านบาท จากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ หรือกองทุนแบงก์รัฐ และเงินงบประมาณ เพื่อให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือบีไอเอส อยู่ในระดับไม่ติดลบก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยผลประกอบการของธนาคารให้ดีขึ้น จากปัจจุบันตามที่ธนาคารรายงานในคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีผลขาดทุนสะสมสูงถึง 28,200 ล้านบาท ส่วนของทุนติดลบ 16,900 ล้านบาท บีไอเอสติดลบร้อยละ 30.64 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดไว้ร้อยละ 8.5
อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้ลงโทษทางวินัยพนักงานและผู้บริหารที่ทำให้ธนาคารเกิดความเสียหาย 48 ราย แบ่งเป็นกรณีร้ายแรง 24 ราย และไม่ร้ายแรง 24 ราย โดยเป็นความผิดตั้งแต่การดำเนินงานในสาขาจนถึงการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการสอบสวน.-สำนักข่าวไทย