ขสมก.ออกประกาศหลักเกณฑ์จัดหารถเมล์เอ็นจีวีล่าสุด

กรุงเทพฯ  4 ต.ค. – ขสมก.ออกประกาศหลักเกณฑ์จัดหารถเมล์เอ็นจีวีล่าสุด ยืนยันโปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์ผู้เสนอราคารายใดรายหนึ่ง


องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งว่าโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2556 อนุมัติให้จัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน เพื่อนำมาให้บริการทดแทนรถโดยสารเดิมที่ใช้น้ำมันดีเซล โดยเร่งรัดให้จัดหารถโดยสารระยะแรก  489 คัน เพื่อนำมาให้บริการประชาชนทดแทนรถโดยสารเดิมที่ชำรุด เสื่อมสภาพ 

สำหรับการดำเนินการครั้งนี้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ขณะที่การจัดทำร่างขอบเขตของงานและรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะรถของรถโดยสารปรับอากาศฯ ครั้งนี้ได้นำแนวทางทีโออาร์เดิมมาปรับปรุง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและมีผู้สนใจมายื่นเอกสารมากขึ้น โดยมีการกำหนดให้ผู้เสนอราคาสามารถส่งมอบรถโดยสารได้เป็นงวด ๆ แต่ทั้งหมดต้องส่งมอบภายใน 120 วัน นับถัดจากวันลงนามสัญญา เนื่องจากทีโออาร์เดิมกำหนดไว้เพียง 90 วัน และการพิจารณาจะดูจากราคาเป็นหลัก แต่จะเอาระยะเวลาการส่งมอบพิจารณาประกอบด้วย เนื่องจากการส่งมอบรถโดยสารเร็วก็จะสามารถนำรถโดยสารมาวิ่งให้บริการประชาชนและทำรายได้ให้กับองค์การเร็วขึ้น แต่จะไม่ให้น้ำหนักมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับผู้เสนอราคาบางราย


ส่วนการจัดทำราคากลางครั้งนี้ดำเนินการตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 โดยพิจารณาข้อ (1) (2) (3) แล้วไม่มีกำหนดไว้ จึงดำเนินการตาม (4) โดยการสืบราคาจากท้องตลาด และใช้ร่างทีโออาร์ที่ปรับปรุงแล้วส่งให้ผู้ประกอบการเพื่อสืบราคา จากการที่ผู้ประกอบการเสนอราคามานั้น ได้พิจารณาโดยนำราคาต่ำสุดของแต่ละรายการกำหนดเป็นราคากลางองค์การนำร่างขอบเขตของงาน รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของรถโดยสาร และร่างประกาศและร่างเอกสารซื้อด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์เผยแพร่เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ โดยเผยแพร่เว็บไซต์ของกรมบัญชีกลางและเว็บไซต์ ขสมก. 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 18 – 21 กันยายน 2560  มีผู้เสนอความเห็น 3 ราย และครั้งที่ 2  ระหว่างวันที่ 26 – 29 กันยายน 2560  มีผู้เสนอความเห็น 1 ราย

ทั้งนี้ ขสมก.ได้ทำการปรับปรุงแก้ไขและแจ้งผู้มีความคิดเห็นทุกรายทราบแล้ว โดยการพิจารณาทุกครั้งมีคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เข้าร่วมสังเกตการณ์การพิจารณาด้วยทุกครั้ง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการพิจารณามีความโปร่งใส ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสนอราคารายใดรายหนึ่ง โดยเผยแพร่ประกาศและเอกสารประกวดราคาตั้งแต่วันที่  4 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน 2560 กำหนดวันเสนอราคาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ผู้สนใจสามารถขอซื้อเอกสารประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.bmta.co.th หรือ www.gprocurement.go.th หรือสอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2246-0974 ในวันและเวลาราชการ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เปิดวินาทีระเบิดรถกระเช้าเทศบาลรือเสาะ

เปิดนาทีระเบิดรถกระเช้าที่จอดอยู่ในที่จอดรถของเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ช่วงเที่ยงวานนี้ (6 ก.พ.) จนพังเสียหาย

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด