เพชรบูรณ์ 3 ต.ค.-พนักงานช่วยเหลือคนไข้โรงพยาบาลหล่มสัก น้ำใจงาม ขี่รถจักรยานยนต์ไปคอยดูแล ซื้ออุปกรณ์การทำแผล รวมทั้งอาหารการกินไปให้ผู้ป่วยที่นอนติดเตียงอยู่ที่บ้านทุกวัน มาเป็นเวลากว่า 8 เดือน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาติ และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีพนักงานช่วยเหลือคนไข้โรงพยาบาลหล่มสักรายหนึ่ง ให้การช่วยเหลือดูแลทำแผลผู้ป่วยที่ป่วยเป็นแผลกดทับ หายใจเองไม่ได้ ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยขี่รถจักรยานยนต์ไปทำแผลและดูแล รวมทั้งซื้อกับข้าวไปให้ทุกวันมากว่า 8 เดือน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องของตนเองแต่อย่างใด
เมื่อเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบ น.ส.วรรณภา คล้ายผึ้ง อายุ 27 ปี พนักงานช่วยเหลือคนไข้โรงพยาบาลหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กำลังทำแผลและเช็ดตัวให้นางอุ่นเรือน อายุ 54 ปี ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง โดยมีนายโยธิน อายุ 58 ปี สามีของนางอุ่นเรือน คอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ น.ส.วรรณภา หรือ น้องกิ๊ก เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นางอุ่นเรือนป่วย ไม่สามารถเคลื่อนไหวช่วงล่างได้ จึงทำให้เป็นแผลกดทับ ต่อมาได้ป่วยเป็นโรคหอบหืดไม่สามารถหายใจเองได้ ญาติจึงนำตัวส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหล่มสัก และได้เจาะที่คอเพื่อช่วยหายใจ ตนเองจึงได้มีโอกาสดูแลทำแผลและเช็ดตัวให้ ต่อมาได้กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยตนเองได้ประสานนำรถมาส่งที่บ้าน โดยก่อนกลับป้าอุ่นเรือน ได้จับมือของตนเองพร้อมกับบอกด้วยสายตาที่วิงวอนว่า “อย่าลืมกลับมาเยี่ยมป้านะ”
ต่อมาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ตนเองได้กลับมาเยี่ยมป้าอุ่นเรือนอีกครั้ง ปรากฏว่าแผลกดทับเกิดการติดเชื้อแผลกว้างขึ้นมากกว่าเดิม จึงต้องกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง และเมื่อแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ตนเองจึงกลับมาส่ง และหลังจากนั้นก็เที่ยวมาดูแลทุกวัน โดยใช้เวลาว่างในช่วงพักและออกเวร โดยขี่รถจักรยานยนต์มาระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อมาถึงก็จะทำความสะอาดแผล ล้างแผล ดูดเสมหะ สระผม เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็นั่งพูดคุยและให้กำลังใจป้า รวมแล้วใช้เวลาในแต่ละวันที่มาดูแลและอยู่กับป้าประมาณ 1 ชั่วโมง จนเกิดความรู้สึกรักและผูกพัน หากวันใดฝนตกก็จะใส่ชุดกันฝนมา ทำเช่นนี้ทุกวันมากว่า 8 เดือนแล้ว ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว
ด้านนางอุ่นเรือน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อตอนป่วยใหม่ๆ รู้สึกท้อมาก อยากจะตายให้หมดเวรหมดกรรม แต่เมื่อ “น้องกิ๊ก” มาดูแลพูดคุย ทำให้ตนเองมีกำลังใจที่จะสู้และมีชีวิต ตอนนี้รู้สึกผูกพัน รัก และห่วงใยน้องกิ๊กเป็นอย่างมาก หากวันใดฝนตกยิ่งเป็นห่วงมาก เพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุเกิดอันตราย ตนเองไม่รู้จะขอบคุณหรือตอบแทนในคุณงามความดีของน้องกิ๊กได้อย่างไร หากชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดเป็นแม่ลูกกันจริงๆ
นายโยธิน สามีของนางอุ่นเรือน กล่าวว่า ตนเองมีลูก 3 คน มีครอบครัวไปแล้ว 2 คน แต่แทบจะไม่ได้กลับมาดูแลพ่อแม่เลย ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ส่วนคนเล็กเป็นลูกชายอายุ 22 ปี มีครอบครัวแล้วเช่นกัน ทำงานรับจ้างทั่วไปรายได้ไม่แน่นอน ส่วนตนเองและภรรยาเมื่อก่อนก็มีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ต่อมาภรรยาป่วยเป็นฝีในกระดูกสันหลัง ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวช่วงล่างได้ ตนเองจึงต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดไม่สามารถออกไปทำงานที่ไหนได้เลย ทำให้ไม่มีรายได้ ในแต่ละวันภรรยาแทบจะไม่พูดไม่คุยกับคนอื่นเลย แต่เมื่อ “น้องกิ๊ก” มาอยู่ด้วยจะพูดคุยยิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยทีเดียว
และนอกจากนั้นยังต้องดูแลนางช่วย สมรูป อายุ 77 ปี ซึ่งเป็นแม่ยาย ปัจจุบันป่วยเป็นโรคความดันและหกล้ม ไม่สามารถเดินหรือช่วยเหลือตัวเองได้ ตนเองจึงต้องดูแลคนป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ถึง 2 คน ส่วนรายได้มีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการของแม่ยาย รวมแล้วได้เดือนละ 1,500 บาท ส่วนเบี้ยผู้พิการของภรรยาจะได้ในเดือนหน้าเดือนละ 800 บาท เพราะเพิ่งจะทำเรื่องขอไป ซึ่งขณะนี้ครอบครัวตนเองได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก แต่โชคดีที่มี “น้องกิ๊ก” มาดูแลช่วยเหลือซื้ออาหารการกินมาให้ทุกวัน ตนเองจึงอยากขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ ขอรับบริจาคกระดาษทิชชู แผ่นรองกันเปื้อน หรือจะบริจาคเป็นเงินก็ได้ เพราะตอนนี้ภาระทั้งหมดน้องกิ๊กเป็นผู้ดูแลให้ทั้งหมด จึงไม่อยากจะทำให้น้องกิ๊กเดือดร้อน เพียงแต่มาดูแลทำแผลดูดเสมหะให้ทุกวันก็เป็นพระคุณมากพอแล้ว ท่านที่จะช่วยเหลือสามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 032–1–26401–8 ชื่อบัญชี นายโยธิน หยอมแหยม.-สำนักข่าวไทย