นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สตูล เปิดสถานีเคเบิลใต้น้ำปากบารา

บน. 6 29 ก.ย.- นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สตูล มอบเน็ตประชารัฐ และเปิดสถานีเคเบิลใต้น้ำปากบารา ระบบเคเบิลใต้น้ำเส้นแรก ทำให้ไทยมีวงจรเชื่อมต่อโดยตรง ไปยังประเทศที่เป็น Internet Hub ที่สำคัญของโลก รองรับไทยเป็น ASEAN Digital Hub เดินหน้าไทยแลนด์ 4.0 ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางลงพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล  วันนี้ (29 ก.ย.) พร้อมด้วย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE)   

นายกรัฐมนตรี และคณะ จะไปยังอาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาลัยเขตสตูล  อ.ละงู เพื่อทำพิธีส่งมอบเน็ตประชารัฐ จ.สตูล และWeb Conference ไปยัง 5 ภูมิภาค ใน 5 จังหวัด คือ จ.ราชบุรี พะเยา หนองคาย สระแก้ว และกระบี่  ที่มีเน็ตประชารัฐติดตั้งอยู่แต่ละหมู่บ้าน และส่งมอบ Wi-Fi ให้แก่ผู้แทนประชาชนในพื้นที่ และพบปะประชาชนที่มาให้การต้อนรับ และทำการมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น  ซึ่งเป็นผู้แทนผู้ประสบภัยน้ำท่วม และมอบอุปกรณ์กีฬา ให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านราไว อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล พร้อมเยี่ยมชมร้านค้าชุมชนที่ใช้เน็ตประชารัฐ และการนำเสนอศักยภาพโดยรวมของ จ.สตูล

จากนั้น จะออกเดินทางไปยังสถานีเคเบิลใต้น้ำปากบารา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล เพื่อเป็นประธานเปิดใช้บริการสถานีเคเบิลใต้น้ำปากบารา และเยี่ยมชมสถานี ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีเคเบิลใต้น้ำปากบารา จ.สตูล เป็นโครงการระบบเคเบิลใต้น้ำ Asia-Africa-Europe 1 (AAE-1) รวมระยะทาง 25,000 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป เสมือนเป็น land bridge ทางด้านโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ที่ช่วยลดระยะทางการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างเอเชียและยุโรป โดยระบบ AAE-1 เป็นระบบเคเบิลใต้น้ำที่มีระยะเวลาในการส่งข้อมูลระหว่างเอเชียตะวันออกและยุโรปต่ำสุด  

นอกจากนี้ ยังเป็นระบบเคเบิลใต้น้ำเส้นแรก ที่ทำให้ประเทศไทยมีวงจรเชื่อมต่อโดยตรง ไปยังประเทศที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet Hub) ที่สำคัญของโลกไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป รวม 17 ประเทศ ซึ่งจะสามารถช่วยเสริมศักยภาพ ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเทอร์เน็ตของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและจะส่งผลให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น . – สำนักข่าวไทย