ธุรกิจค้าปลีกระบุปีนี้ยอดขายโตต่ำผิดปกติ

กรุงเทพฯ 21 ต.ค. – นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย  กล่าวในการเสวนา “Thailand’s Economic Outlook 2017 อนาคตเศรษฐกิจไทย 2560”  ว่า ผลจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกไทยปีนี้เติบโตร้อยละ 3.0-3.2  ส่วนปีหน้าจะเติบโตกว่าเล็กน้อยในระดับร้อยละ 3.0-3.5   อย่างไรก็ตาม  การเติบโตปี 2559 ถือเป็นระดับการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกที่ผิดปกติ  เพราะกลุ่มค้าปลีกจะโตเฉลี่ยปีละร้อยละ  8  โดยเฉพาะปี 2544-2545  สำหรับเม็ดเงินที่ภาครัฐบาลเร่งใช้จ่ายกว่าจะถึงกลุ่มผู้ค้าปลีกต้องใช้เวลาประมาณ 8 เดือน โดยกลุ่มรายได้ระดับกลางถึงบนยังโตในระดับตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากผู้ที่มีรายได้ระดับกลางถึงระดับสูงยังมีกำลังซื้อ  ส่วนนักท่องเที่ยวที่มากถึง 30 ล้านคนไม่ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกดีขึ้นไม่ซื้อสินค้ากึงคงทนมากนัก


นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า  ผลจากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 ของรัฐบาลทำได้ดี ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง      แม้การส่งออกไม่ดีนัก แต่มีภาคการท่องเที่ยวที่ดีช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง  ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4  ธปท.ประเมินว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนชะลอตัวลง เพราะได้รับกระทบจากบรรยากาศเศร้าโศกของคนไทย ขณะที่ตลาดเงินบาทตลาดหลักทรัพย์ที่ค่อนข้างอ่อนไหวไปบ้าง ขณะนี้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว  จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวต่อไปได้

ด้านการลงทุนภาครัฐในช่วงที่ผ่านมากระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อย  เพราะส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็ก ภาคเอกชนไม่รู้สึกว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ธปท.พบว่าภาพรวมการระดมเงินทุนเพิ่มขึ้น  แต่อยู่ในรูปแบบตราสารทางการเงินมากขึ้น  ขณะที่การระดมเงินทุนในรูปแบบสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลดลงและหากเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้นการลงทุนภาครัฐที่ได้เดินหน้าไปจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศได้  ส่วนภาพรวมการลงทุนที่ลดน้อยลงนั้น เป็นเพราะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยกำลังก้าวสู่ภาคบริการมากขึ้น ซึ่งภาคบริการวงเงินลงทุนจะต่ำกว่าการลงทุนของภาคอุตสาหกรรม


นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการเศรษฐกิจมหภาค , Economic Intelligence Center  ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2558 สินเชื่อธนาคารพาณิชย์โตร้อยละ 4  เมื่อเทียบกับช่วงปลายปี 2557 แต่เดือนสิงหาคมเทียบกับเดือนธันวาคมปีนี้ระดับการขอสินเชื่อไม่โตขึ้น เนื่องจากหลายองค์กรทบทวนแผนการลงทุนและมีการชะลอการลงทุนนอกเหนือจากท่องเที่ยวและโทรคมนาคมที่มีการใช้สินเชื่อ จึงถือว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นเพียงบางส่วนเท่านั้น  ขณะที่เม็ดเงินลงทุนภาครัฐ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการขนาดเล็ก เช่น  การซ่อมถนน  ซึ่งเอกชนไม่เห็นประโยชน์กับภาคเศรษฐกิจมากนัก  ส่วนโครงสร้างพื้นฐานเป็นแผนมากกว่า ทั้งนี้ ภาคธุรกิจก่อสร้างคาดหวังว่าปีหน้าผลจากโครงการลงทุนภาครัฐจะช่วยทำให้มีปริมาณมากขึ้นกว่าปีนี้

นอกจากนี้  หนี้ภาคครัวเรือนที่เกิดจากการซื้อรถยนต์คันแรกปี 2554 และต้องผ่อนเงินค่าเช่าซื้อรถคันแรกประมาณ 1 ล้านคัน ๆ ละประมาณ 600,000 บาท การผ่อนน่าจะสิ้นสุดลง โดยจะชัดเจนไตรมาส  3-4  ปีนี้จึงคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากส่วนนี้เข้ามาเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ  โดยจากการไม่ต้องผ่อนรถอาจเป็นไปได้จะเข้าไปผ่อนบ้านส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลดี หรือไปเลือกซื้อสินค้าที่รอผ่อนรถเสร็จก่อน เช่น โทรทัศน์เครื่องใหม่ เป็นต้น สินค้าเหล่านี้อาจจะมียอดขายดีขึ้น

นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. กล่าวว่า  ปตท. ประเมินว่าผลจากเศรษฐกิจโลกโตต่อเนื่อง ส่งผลให้การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น  ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันสำรองหมดลงอุปสงค์อุปทานน้ำมันโลกจะใกล้เคียงกันมากขึ้น และผลจากช่วงปลายปีนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นส่งผลให้ระดับราคาน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น  คาดว่าปีหน้าราคาน้ำมันจะอยู่ประมาณ  50-55ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้บริษัทน้ำมันจะเริ่มพิจารณาลงทุนมากขึ้นจากที่หยุดโครงการลงทุนปีนี้ และผลจากโครงสร้างสังคมผู้สูงอายุมีมากขึ้น และสังคมเมืองที่มากขึ้นเกิดเมืองใหม่ก็จะทำให้การใช้จ่ายพลังงานเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย  ซึ่ง ปตท.จะลงทุนมากขึ้นเช่นกันในปีหน้า


นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย กลุ่มธนาคารโลก กล่าวว่า การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ ไม่ทั่วถึงฟื้นในส่วนภาคท่องเที่ยว ภาคบริการ การใช้จ่ายภาครัฐ ส่วนไตรมาส 2 ยอดซื้อขายรถยนต์เกิดขึ้น มองว่า เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้นไม่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 และไตรมาส 4 การฟื้นตัวเศรษฐกิจจึงค่อยเป็นค่อยไป เพราะอุปสงค์ยังไม่กลับมา ดังนั้น ภาครัฐจะต้องหาทางให้การลงทุนภาครัฐต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาภาครัฐสามารถเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 ได้ตามที่คาดหวังไว้ แต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศระดับการเบิกจ่ายงบประมาณที่ร้อยละ 70  เทียบกับประเทศอื่น ๆ ยังถือว่าน้อย

ส่วนปัจจัยอื่นช่วยเศรษฐกิจไทยได้เช่นกัน  เช่น ความโปร่งใสในการลงทุน  การจัดซื้อจัดจ้างยังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ส่วนปีหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐยังจะเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยต่อไป.–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึง ส.ค.นี้

ทำเนียบ 14 พ.ค.-รัฐบาลเชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจัดเตรียมวัคซีนรองรับ 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย ระบุเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และ สายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย สปสช. กำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 -20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์) 2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 […]

เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 14 พ.ค.-“ชัยชนะ” เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง ย้ำพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมด.ต.นิสาธิต คงเทพ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ณ เรือนรับรองตำรวจชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา โดยในโอกาสนี้ นายชัยชนะได้มอบกระเช้าและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัว นายชัยชนะ ได้พูดคุยกับ ด.ต.นิสาธิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือมีความต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด กรรมาธิการตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ปูพรมค้น 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง

ตรัง 14 พ.ค. – ตำรวจปูพรมปิดล้อม 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ล่าสุดตามยึดรถกระบะของกลางที่คนร้ายใช้ไปซื้อยางรถยนต์มาก่อเหตุ เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังร่วมกันตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีเทาดำ (สงวนหมายเลขทะเบียน) และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรมปมมติแพทยสภา

สธ. 13 พ.ค. – แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ กรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภามีมติการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ปม “ทักษิณ ชินวัตร” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูล หรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ มีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง นายกองตรี […]

ข่าวแนะนำ

รวบ 19 คนไทยรับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

15 พ.ค.- เปิดปฏิบัติการ “The Scam เงินแท้ คนเก๊” รวบ 19 คนไทยขายชาติ รับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์รวม 6.6 ล้านบาท พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ร่วมแถลงข่าว กรณีมีผู้เสียหายจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งสายที่ 1 อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ มีพัสดุมาส่ง จากนั้นได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ส่ง (สายที่ 2) เมื่อผู้เสียหายโทรกลับไป อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กองคลัง โดยให้ทำตามขั้นตอนที่คนร้ายสั่ง อ้างเพื่อเพิ่มเงินบำนาญ โดยได้หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินครั้งแรกจำนวน 720,000 บาท และต่อมาได้มีสายที่ 3 โทรเข้ามาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าการทำธุรกรรมที่ได้ทำไปก่อนหน้านั้นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอก เป็นเหตุให้ต้องระงับบัญชี และให้ทำตามขั้นตอนจากธนาคารแทน ผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำให้ต้องโอนเงินไปอีกเป็นจำนวน 6 ครั้ง แต่มาทราบภายหลังว่าสุดท้ายเป็นการโอนเงินออกจากบัญชีทุกบัญชีของตนเองไปยังบัญชีของคนร้าย รวมความเสียหายทั้งหมด 3,942,767 บาท พฤติการณ์ดังกล่าว ผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ร่วมกันกระทำความผิดเป็นกระบวนการ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนพิสูจน์ทราบข้อมูล […]

นายกฯ เยือนเวียดนามวันแรก เดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ

เวียดนาม 15 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะการผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินและเทคโนโลยี.-สำนักข่าวไทย

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

ยังปิดล้อม! เหตุชายคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้า จ่อปรับยุทธวิธี

15 พ.ค.- ยังปิดล้อม! เหตุชายคลุ้มคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้า ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร. รุดลงพื้นที่ เน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบ เตรียมปรับยุทธวิธีระงับเหตุ เมื่อเวลา 17.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่เหตุชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าและยิงใส่เจ้าหน้าที่ ภายในบ้านพักหลังวัดลครทำ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โดย พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า จะเข้าไปพูดคุยกับทาง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นยังเน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ ซึ่งจะยังไม่มีการยกระดับมาตรการหรือยุทธวิธีใดๆ ยึดการเจรจาเป็นหลักแม้สถานการณ์จะล่วงเลยมานานกว่า 9 ชั่วโมง แต่ยืนยันว่าทุกอย่างยังอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย ส่วนกรณีชาวบ้านหลายครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านของผู้ก่อเหตุนั้น เบื้องต้นจะหารือกับทาง พล.ต.ท.สยาม เรื่องมาตรการเยียวยา ตำรวจเตรียมปรับยุทธวิธีระงับผู้ก่อเหตุ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางลงพื้นที่อีกครั้ง พร้อมให้ข้อมูลว่า ตอนนี้กำลังให้แม่ของผู้ก่อเหตุเข้าไปเจรจาอยู่ เพื่อให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธและมอบตัว ตอนนี้ผู้ก่อเหตุได้ขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน แต่ท่าทีโดยรวมของผู้ก่อเหตุเย็นลง อาการคลุ้มคลั่งก็ลดลงด้วย หากการเจรจาไม่เป็นผลหลังจากนี้อาจจะมีการปรับยุทธวิธีต่อไป -420 .-สำนักข่าวไทย