ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ 21 ต.ค.- สำนักจุฬาราชมนตรี จัดพิธีแสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จุฬาราชมนตรี ยกย่องเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกอย่างแท้จริง และพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้จนได้รับการยอมรับให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขาทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักจุฬาราชมนตรี นำโดยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี และประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ได้จัดพิธีแสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ โดยมีชาวไทยมุสลิมรอบปริมณฑล เข้าร่วมแสดงความอาลัย
นายประสาน ศรีเจริญ รองประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี กล่าวถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า พระองค์ท่านได้สร้างคุณประโยชน์มากมายระหว่างการครองศิริราชย์ 70 ปี ทุกคนในประเทศให้การยอมรับ นอกจากนี้พระองค์ท่านยังให้ความสำคัญ และสนับสนุนศาสนาอิสลามมาโดยตลอด เวลานั้นพระองค์ท่าน ทรงให้จุฬาราชมนตรี เป็นคนแปลคัมภีร์อัลกุรอานเพื่อจะศึกษา และเมื่อศึกษาเสร็จสิ้น ได้ยืนยันว่า ศาสนาอิสลามไม่ได้เป็นอันตรายต่อการอยู่ร่วมกัน ตามที่สังคมไทยหลายคนคิดในเวลานั้น
ด้านนายสมัย เจริญช่าง กรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิมว่า การที่พระองค์ท่านให้ความสนใจในศาสนาอิสลาม การลงไปในพื้นที่ภาคใต้ ใส่ใจต่อความเป็นอยู่ของชาวอิสลาม มีการถามไถ่และแก้ปัญหาอยู่เสมอ อาทิ การเป็นอยู่ ที่ดินทำกิน และการซ่อมแซมมัสยิด จนได้การยอมรับจากชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 ชายแดนใต้ ทำให้คนกลุ่มนั้นยอมรับว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นกษัตริย์ของพวกเขา นอกจากนี้พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่ห่างไกล และพระราชทานที่ดินเพื่อประโยชน์ของชาวมุสลิมในการประกอบศาสนกิจ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้สำหรับชาวไทย มุสลิม
นายสมัย กล่าวว่า เช่นเดียวกับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงพ.ศ. 2502 ที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่นั่นเป็นครั้งแรก ซึ่งในขณะนั้นชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่ยังไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ เมื่อเห็นพระองค์ท่านจึงพูดว่า “รายอซีแย” หมายความว่า กษัตริย์สยาม จนพระองค์ท่านได้ทรงพระราชทานให้มีการพัฒนาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง ให้พสกนิกรได้อยู่ดีกินดี และต่อมาเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไป3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พสกนิกรจึงพูดว่า “รายอกีตอ” ที่แปลว่า กษัตริย์ของพวกเรา จนเป็นที่ยอมรับและใช้คำนี้ทั่วกัน
จากนั้นนายชาติชาย บัลบาห์ ได้อัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และมีนายฐากูร ดิษฐอำนาจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษฯ “ฉันเกิดในรัชกาลที่9″
และในเวลา 16.30น. จุฬาราชมนตรีได้นำกล่าวแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และกล่าวปาถกฐาตอนหนึ่งว่าตลอดเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองราชย์พระองค์ทรงงานหนัก เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกร ดั่งปฐมพระบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ” ซึ่งไม่เลือกปฏิบัติกับศาสนาใด และพระองค์ท่านดูแลพสกนิกรอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ซึ่งได้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าพระองค์ท่านทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกอย่างแท้จริง
ก่อนที่นายอรุณ บุญชม ประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวขอบคุณ และดุอาอ์ปิด สำหรับบรรยากาศภายในงานพิธีแสดงความอาลัย มีการจัดซุ้มนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระราชกรณียกิจนานับประการเพื่อชาวไทยมุสลิม โดยไม่แบ่งเชื้อชาติ หรือศาสนา นอกจากนี้ยังมีจุดให้ชาวไทยมุสลิมโดยรอบปริมณฑล ได้ลงนามแสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมีผู้ลงนามแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย