กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) นำร่องคัด 30 ผู้ประกอบการโอทอปต้นแบบจากทั่วประเทศที่มีศักยภาพด้านระบบการผลิต พร้อมสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อรองรับการแข่งขันระดับสากล
นายเพทาย ล่อใจ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กสอ. เปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการพัฒนาการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมปี 2560 เพื่อให้ผู้ประกอบการโอทอปสามารถพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและยกระดับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างโอกาสการแข่งขันและเข้าถึงและได้ประโยชน์จากกลไกตลาดสีเขียวมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชน
นายเพทาย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย กสอ.ลงพื้นที่จัดอบรมให้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ผู้ประกอบการโอทอปทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 500 ราย คัดเลือกเหลือ 200 ราย และลงพื้นที่ดูกระบวนการผลิต พร้อมให้คำปรึกษาเชิงลึกโดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกครั้ง จนได้เป็นผู้ประกอบการโอทอปต้นแบบ 30 รายในวันนี้ แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ อาหาร, เครื่องดื่ม, ผ้าและเครื่องแต่งกาย, ของใช้ของประดับตกแต่งและของที่ระลึก และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร
สำหรับเกณฑ์คัดเลือกจะต้องผ่านเกณฑ์การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 5 ตัวชี้วัด คือ การดำเนินการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การจัดทำแผนด้านสิ่งแวดล้อม การนำแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิผล การติดตามประเมินผล และการทบทวนและรักษาระบบ โดยผู้ประกอบการจะได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ ได้แก่ รางวัลผู้ประกอบการดีเด่นด้านการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของกลุ่มผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท 5 รางวัล ประเภทอาหาร วิสาหกิจชุมชนบ้านเนินดินแดง จังหวัดชลบุรี ประเภทเครื่องดื่ม วิสาหกิจชุมชนแปรรูปอาหารและน้ำผลไม้ท่ามะขาม จังหวัดกาญจนบุรี ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย กลุ่มผ้าบาติกตำบลวัดสุวรรณ จังหวัดชลบุรี ประเภทของใช้ของประดับตกแต่งและของที่ระลึก จักสานไม้ไผ่กลุ่มโรงเรียนวังหลังวิทยาคม จังหวัดสระแก้ว ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร อนัญญามะพร้าว จังหวัดตราด รางวัลผู้ประกอบการดีมากด้านการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของกลุ่มผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท ๆ ละ 2 รางวัล รวม 10 รางวัล รางวัลผู้ประกอบการดีด้านการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของกลุ่มผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท ๆ ละ 3 รางวัล รวม 15 รางวัล นอกจากนี้ ผู้ประกอบการโอทอปทั้ง 30 รายยังมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การฝึกอบรม สัมมนา การให้คำปรึกษา แนะนำเชิงลึก และยังได้สิทธิพิเศษในการออกบูธ แสดงสินค้าร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชนยังจะเดินหน้าพัฒนาผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีมากกว่า 40,000 รายทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการที่มีอยู่แล้วให้มีความเข้มแข็งและยังต้องสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีคุณภาพในภูมิภาคต่าง ๆ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นนโยบายมุ่งเน้นการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรร และที่สำคัญที่สุด คือ ทุกอุตสาหกรรมจะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล โดยปรับตัวเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับการลงทุนในปัจจุบัน คือ ต้องเป็น”การลงทุนสีเขียว.-สำนักข่าวไทย