จ.พระนครศรีอยุธยา 18 ก.ย.- “อุตตม” หวังผลักดันโรงงานอยุธยา ไปสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนป้องกันน้ำท่วม ไฟดับไฟตก ขาดดแคลนแรงงาน
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานประกอบการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เพื่อความร่วมมือในลักษณะประชารัฐ กับผู้ประกอบการภาคเอกชน ภาครัฐ และประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาพื้นที่ การแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการประกอบการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นการบริหารจัดการน้ำ จากการพัฒนาพนังกั้นน้ำ ยกระดับถนน เพื่อเชื่อมโยงเครื่อข่ายในการขนส่งสินค้า หลังเคยประสบภัยน้ำท่วมหนักในปี 54 และปัญหาไฟดับไฟตก ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากภาคกลางมีศักยภาพอุตสาหกรรมเดิม ทั้งอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป อิเล็กทรอนิกส์ พลาสติก สิ่งทอ เพื่อต้องการต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรม S-Curve ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปอย่างมาก เพราะไทยมีศักยภาพด้านเกษตร การเยี่ยมชมสายการผลิตในโรงงาน บริษัท อุตสาหกรรมเครื่องหอมไทย-จีน จำกัด (TCFF) เป็นกิจการร่วมค้าระหว่างไทยและจีน ในการผลิตน้ำหอม สารแต่งกลิ่นสำหรับสินค้าอุปโภค-บริโภค น้ำมันหอมระเหย และสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อาหาร ยา และสปา ปรับตัวไปสู่ Bio Economy และอุตสาหกรรม 4.0 มากขึ้น จึงต้องการส่งเสริมขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ alibaba.com รวมทั้งการผลักดันให้พระนครศรีอยุธยายังเป็นจังหวัดนำร่องของอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industry) หวังให้อุตสาหกรรมเติบโตไปพร้อมกับความเจริญของชุมชน และการรักษาสภาพแวดล้อมอย่างสมดุล จึงต้องการพัฒนาต้นแบบอาหารแห่งอนาคตจำพวก Organic Food, Health Food, Medical Food และ Novel Food โดยในปี 2561 มุ่งเน้นส่งเสริมในพื้นที่ภาคกลางไม่น้อยกว่า 30 ราย และการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร (World Food Valley Thailand) ในอำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง บนพื้นที่ 1,375 ไร่ เพื่อให้เป็นเมืองนวัตกรรมอาหารอนาคตที่ครบวงจร
ส่วนการเยี่ยมบริษัท เม็กเท็ค แมนูแฟ็คเจอริ่ง คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MECTEC เป็นบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นและฮ่องกง มูลค่าลงทุนงทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาท นับว่าเป็นผู้นำรายใหญ่ที่สุดของโลกในการออกแบบ ผลิต แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เพราะปัจจุบัน เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ เบาะที่นั่งผู้โดยสารเครื่องบิน เครื่องวัดสุขภาพ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เครื่องมือแพทย์ ต้องใช้แผงวงจรควบคุม รัฐบาลจึงต้องการดึงภาคเอกชนร่วมพัฒนาแรงงานคุณภาพ อาชีวะ ร่วมกับสถาบันการศึกษา และเป็นพี่เลี้ยงให้กับเอสเอ็มอี รวมทั้งเน้นการพัฒนาและวิจัย โดยพร้อมช่วยเหลือเงินทุนในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร การพัฒนาบุคคลากร การใช้เทคโนโยลีกลุ่มเป้าหมายจะได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล เพื่อเสนอแนวทางพัฒนาเป็นข้อหารือในที่ประชุม ครม.นอกสถานที่ครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

